เมื่อเวลา 13.25 น. วันที่ 14 มิ.ย. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงการหารือกับทีมที่ปรึกษากฎหมาย เพื่อเตรียมข้อมูลเพิ่มเติมส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญในคดี 40 สว. ร้องให้ตรวจสอบอำนาจการแต่งตั้ง นายพิชิต ชื่นบาน เป็นรมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ว่า มีขอพยานเพิ่มเติม ซึ่งก็ต้องส่งรายชื่อพยานไป 1 คน แต่ขอให้ส่งก่อนค่อยบอก เพราะไม่เช่นนั้นจะเป็นการก้าวล่วง ซึ่งแล้วแต่ท่านจะไต่สวนหรือไม่ไต่สวน อันนี้ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของศาล 

เมื่อถามต่อว่าขณะนี้มีข่าวลือว่านายกฯ จะชิงลาออกก่อนที่ศาลจะตัดสิน นายกฯ กล่าวว่า ไม่เคยได้ยินและไม่เคยคิดด้วย 

เมื่อถามอีกว่า เรื่องยุบสภาก็ไม่เคยคิดใช่หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ไม่เคยคิด ทุกอย่างว่าไปตามกระบวนการ ไม่มีการใช้วิธีการพิสดารในการหนี อย่างที่ตนเรียน เรามาในฝ่ายบริหาร ถ้าฝ่ายนิติบัญญัติหรือฝ่ายตุลาการมีข้อข้องใจ หน้าที่ของตนก็ต้องเสนอและน้อมรับคำตัดสิน 

เมื่อถามด้วยว่าสถานะของนายกฯ ในตอนนี้ ดูเหมือนเป็นกันชนระหว่างขั้วอนุรักษนิยมกับขั้วก้าวไกล ทำให้ลำบากที่จะเผชิญตรงนี้หรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า ตนคิดว่าตำแหน่งนี้ก็ลำบากทุกเรื่อง เอาเรื่องความเดือดร้อนของประชาชนเป็นหลักดีกว่า อย่าไปดูเรื่องความขัดแย้งว่าตนจะเป็นกันชนหรือเป็นตัวช่วยหรือเป็นอะไรเลยดีกว่า ถ้ามีปัญหาก็ต้องปรับกันไป มีข้อคิดเห็นไม่ตรงกัน ก็ต้องพยายามชี้แจง 

เมื่อถามย้ำว่า ความเป็นเสถียรภาพของรัฐบาลในการทำงาน การที่พบกับ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในฐานะประธานยุทธศาสตร์พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) จะทำให้พรรคเพื่อไทย และพรรค พปชร. เป็นหนึ่งเดียวกันหรือไม่ โดยในช่วงจังหวะนี้นายกฯ ได้หันไปหา พล.ต.อ.พัชรวาท ที่ยืนอมยิ้มอยู่ด้านหลัง พร้อมกล่าวว่า ตนก็คุยกับ พล.ต.อ.พัชรวาท ดี และท่านยังเป็นห่วงว่าตนทำงานหนักเกินไป และตนได้บอกว่าไม่เป็นอะไร สบายดี เรียบร้อยดี 

เมื่อถามต่อว่าก่อนหน้านี้มีการพาดพิงถึง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรค พปชร. พี่ชายของ พล.ต.อ.พัชรวาท นายเศรษฐา กล่าวว่า ตนไม่ได้เป็นคนพาดพิง และไม่เคยมีการคุยกันในเรื่องนี้ด้วย ตนให้ความเคารพท่านในฐานะที่เป็นอดีตรองนายกฯ และเป็นอดีตผู้บัญชาการทหารบก และไม่เคยเจอกัน เคยเจอหนเดียวในงาน ตนก็สวัสดีท่าน แค่นั้นเอง ไม่มีเรื่องอื่น ไม่มีอะไรเลย ยืนยันได้.