เมื่อวันที่ 13 มิ.ย. นายธสรณ์อัฑฒ์ ธนิทธิพันธ์ เลขาธิการคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค มอบหมายศูนย์ปฏิบัติการพิเศษ สคบ. นำโดย นายเลิศศักดิ์ รักธรรม ผู้อำนวยการกองคุ้มครองผู้บริโภคด้านสัญญา ปฏิบัติหน้าที่รองผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการพิเศษ สคบ. นายฤทธิรอน ทวีทรัพย์ ผู้อำนวยการฝ่ายรับเรื่องราวร้องทุกข์ ปฏิบัติหน้าที่หัวหน้าฝ่ายปฏิบัติการพิเศษ สคบ. พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ สคบ. ลงพื้นที่ตรวจสอบร้านค้าซึ่งลักลอบเปิดร้านขายบุหรี่ไฟฟ้า น้ำยาบุหรี่ไฟฟ้า ในพื้นที่ตัวเมืองจังหวัดนครราชสีมา

ภายหลังจากที่มีประชาชนร้องเรียน สคบ. เป็นจำนวนมาก พบมีการลักลอบขายบุหรี่ไฟฟ้า ใกล้กับสถานศึกษามีเด็กและเยาวชนจำนวนมากแอบไปซื้อมาสูบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่เพิ่งเปิดภาคเรียนสร้างความวิตกกังวลผู้ปกครองเป็นจำนวนมาก ด้วยกลัวว่าจะเป็นอันตรายต่อสุขภาพลูกหลานตัวเองรวมถึงผลกระทบต่อพัฒนาการทางด้านสมองที่อยู่ในช่วงกำลังศึกษาเล่าเรียน และเป็นอนาคตของชาติ

ต่อมาในเวลา 15.20 น. ศูนย์ปฏิบัติการพิเศษ สคบ. เปิดปฏิบัติการดับควันสะท้านเมือง ลงพื้นที่เป้าหมายสามารถยึดบุหรี่ไฟฟ้า น้ำยาบุหรี่ไฟฟ้าได้นับหมื่นชิ้นมูลค่าของกลางประมาณ 4.7 ล้านบาท จึงส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมือง จ.นครราชสีมา พร้อมทั้งแจ้งความดำเนินคดีกับผู้ขายทั้งหมด ในระหว่างการปฏิบัติการของเจ้าหน้าที่ สคบ. ประชาชนที่ทราบข่าวเข้ามาสอบถามการดำเนินการ พอทราบว่าเป็น สคบ. ก็รู้สึกดีใจ โล่งใจ ที่มีการดำเนินคดีกับผู้ขายเด็กและเยาวชนจะได้ไม่ต้องไปซื้อหามาสูบอีก

ทางด้านนายธสรณ์อัฑฒ์ ธนิทธิพันธ์ เลขาธิการ สคบ. กล่าวว่า ปัญหาการลักลอบขายบุหรี่ไฟฟ้าในปัจจุบันรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นางสาวจิราพร สินธุไพร) ได้มีความเป็นห่วงสถานการณ์การพุ่งเป้าไปที่เด็กและเยาวชน จึงได้มอบนโยบายให้ สคบ. บังคับใช้กฎหมายอย่างต่อเนื่องควบคู่กับการให้ความรู้ถึงพิษภัยของบุหรี่ไฟฟ้าให้มากขึ้น และบูรณาการกับทุกหน่วยงานต่อไป


การลักลอบขายบุหรี่ไฟฟ้า น้ำยาบุหรี่ไฟฟ้า เป็นความผิดตามคำสั่งคณะกรรมการคุ้มครองที่ 9/2558 เรื่อง “ห้ามขายหรือห้ามให้บริการบารากู่ บารากู่ไฟฟ้า บุหรี่ไฟฟ้าหรือนำ้ยาสำหรับเติมบุหรี่ไฟฟ้า” ซึ่งหากว่าใครฝ่าฝืนเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ. 2522 มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 6 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ผู้ใดพบเห็นการลักลอบขายบุหรี่ไฟฟ้า สามารถแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจในท้องที่ หรือแจ้ง สคบ. ได้ที่สายด่วน 1166 เว็บไซต์ www.ocpb.go.th แอปพลิเคชัน OCPB Connect รวมทั้งศูนย์ดำรงธรรม ในทุกจังหวัด.