จากกรณี ชายวัย 56 ปี ใช้มือล้วงเข้าไปในลำคอ ขณะแปรงฟัน ทำให้แปรงสีฟันหลุดเข้าไปในลำคอเอาออกมาไม่ได้ ญาติต้องหามส่งรพ. เพื่อให้แพทย์คีบเอาแปรงสีฟันดังกล่าวออก จนอาการปลอดภัย ตามที่ปรากฏเหตุการณ์ไปแล้วนั้น

เกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อวันที่ 13 มิ.ย. แพทย์หญิง รัชวรรณ เจิดเสริมอนันต์ แพทย์ชำนาญการ แพทย์เวรศาสตร์ฉุกเฉินโรงพยาบาลบางพลี ซึ่งเป็นแพทย์เวรที่ช่วยเหลือชายคนดังกล่าวเปิดเผยว่า ในช่วงเกิดเหตุ คนไข้ถูกนำส่งโดยกู้ชีพ มาถึงที่ รพ.บางพลี คนไข้ก็ได้รับการดูแลอย่างทันท่วงที เบื้องต้นมาถึง คนไข้สามารถพูดคุยได้ หายใจได้ปกติ ออกซิเจนในเลือดปกติ มีการประเมินเบื้องต้นว่าคนไข้มีสิ่งอุดกั้นในคอ แต่ว่าคนไข้ยังสามารถพูดคุยได้อยู่ และเราดูว่าสิ่งอุดกั้นอยู่บริเวณไหน เราสามารถเอาอกได้เลยไหม โดยการทำการเปิดช่องปากของคนไข้ดูว่า มันมีสิ่งอุดกั้นหรือไม่ หากไม่เห็นก็ต้องใช้เครื่องมือในการช่วยส่องเข้าไป

ปรากฏว่าพบตัวด้ามของแปรงสีฟัน เราก็ใช้อุปกรณ์ช่วยเหลือคีบวัตถุนั้นออกมา โดยทางแพทย์เฉพาะทางคุณหมอศัลยกรรมก็มาช่วยดูแลคนไข้ให้ ซึ่งคนไข้ท่านนี้ ตอนที่พบแปรงสีฟันอยู่ค่อนข้างลึก อาการคนไข้ล่าสุดคือค่อนข้างปกติแล้ว ไม่มีเสียงแหบ สามารถพูดคุยได้ ประเมินดูเบื้องต้น ไม่มีเนื้อเยื่อบวม คุณหมอจึงอนุญาตให้คนไข้กลับบ้านได้ และนัดมาดูอาการในเช้านี้ แต่หากคนไข้มีอาการเปลี่ยนแปลง หรือรู้สึกบาดเจ็บตรงไหนอีก ให้รีบมาพบคุณหมอทันที ซึ่งเช้านี้คนไข้ก็มาพบคุณหมอแล้ว ก็พบว่ามีอาการปกติ

ขณะที่ นายแพทย์ ธนิศร ตั้งประยูรเลิศ แพทย์ชำนาญการด้านศัลยกรรมโรงพยาบาลบางพลี ให้ข้อมูลที่น่าสนใจว่า โอกาสที่วัตถุแปลกปลอม ที่เราเจอบ่อยๆ สำหรับการที่เข้ารับการศึกษากับหมอเฉพาะทาง โอกาสเจอไม่ค่อยเยอะ โดยเฉลี่ยประมาณ 20% แต่ว่าในผู้ป่วยรายนี้ วัตถุแปลกปลอมที่มันหลุดเข้าไป คือแปรงสีฟันที่มีขนาดค่อนข้างใหญ่และยาว ก็มีโอกาสติดได้ ตั้งแต่บริเวณช่วงลำคอ หลอดอาหาร หรือแม้กระทั่งลงไปในกระเพาะได้ โดยผู้ป่วยรายนี้เมื่อมาถึง ผมได้รับการประสานให้มาช่วยประเมินว่า สามารถเอาออกได้ไหม ในเบื้องต้นอาการคนไข้ค่อนข้างคงที่ และให้ความร่วมมือได้ดี โอกาสที่วัตถุแปลกลอมที่จะหลุดเข้าไปในกระเพราะอาหาร มีโอกาสอยู่ประมาณ 50% เพราะตัววัตถุค่อนข้างใหญ่และยาว แต่ส่วนมากจะติดอยู่ที่บริเวณลำคอ ถ้าไม่ได้มีการผลักดันในลำคอ มันจะติดที่บริเวณลำคอมากกว่า แต่ในส่วนที่จะลงไปในกระเพาะหรือลำไส้ส่วนต้น มีโอกาสได้ประมาณ 10-15% ซึ่งถ้าลงไปถึงในส่วนลำไส้เล็กหรือกระเพาะอาหาร ก็จะต้องทำการผ่าตัดเอาออก เพราะวัตถุที่ค่อนข้างยาว เกิน 6 ซม. มันอาจจะทำให้ลำไส้เล็กบาดเจ็บได้

กรณีหากเกิดเหตุการณ์แบบนี้ การมีวัตถุแปลปลอมติดอยู่ในลำคอ สิ่งที่เราต้องประเมินอย่างแรกเลยคืออาการคนไข้คงที่ไหม ลักษณะของคนไข้มีอาการหายใจติดขัด หรือหายใจไม่ออกหรือไม่ มีน้ำลายไหล หรือกลืนไม่ลงหรือไม่ หากมีอาการพวกนี้ แนะนำรีบโทรฯ แจ้ง 1669 หรือทางมูลนิธิกู้ชีพ ให้เข้าช่วยเหลือคนไข้ หากอาการพูดคุยได้ ออกเสียงได้ และไม่ได้มีอาการของทางเดินหายใจอุดตันร่วมด้วย ก็สามารถพามาโรงพยาบาลได้ ในส่วนของการช่วยเหลือปฐมพยาบาลเบื้องต้น ต้องดูว่าคนไข้มีอายุช่วงไหน ถ้าคนไข้อายุน้อยกว่า 1 ขวบ หรือเด็กเล็ก ต้องใช้วิธีการตบหลัง 5 ครั้ง กดหน้าอก 5 ครั้ง เพื่อให้สิ่งแปลกปลอมหลุดออกมา แต่หากคนไข้อายุเกิน 1 ขวบแล้ว เราสามารถอุ้มได้ เราก็ใช้วิธีการโอบรัดจากด้านหลัง และใช้ตรงข้อมือกับฝ่ามือกดบริเวณลิ้นปี่ และเขยย่า เพื่อให้คนไข้สำลักและให้สิ่งแปลกปลอมออกมาเอง ไม่แนะนำให้ดันกลับลงไป เพราะจะทำให้เกิดการบาดเจ็บ ทั้งทางเดินอาหาร และทางเดินหายใจได้มากขึ้น แต่หากเราไม่มีประสบการณ์จริงๆ แนะนำให้โทร. 1669 ตามทางกู้กู้ชีพ ให้เข้าช่วยเหลือปฐมพยาบาลเบื้องต้น จะเป็นการปลอดภัยสำหรับคนไข้ได้มากกว่า.