เมื่อวันที่ 13 มิ.ย. ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายปกรณ์ มหรรณพ กกต. แถลงข่าวชี้แจงกรณีการยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญเพื่อขอให้มีการสั่งยุบพรรคก้าวไกลว่า อยากทำความเข้าใจถึงเหตุผลต่อการยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ เพราะคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญฉบับลงวันที่ 31 ม.ค. 2567 ระบุชัดเจนว่าการกระทำของผู้ถูกร้อง เป็นการใช้สิทธิเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข  คำวินิจฉัยนี้ทำให้ กกต.ไม่อาจจะทำอย่างอื่นได้ เมื่อมีหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่าพรรคการเมืองใดกระทำการตามมาตรา 92 (1) (2) แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยพรรคการเมือง ถือว่ากกต.มีหลักฐานอันควรเชื่อได้แล้ว ถ้าขนาดที่คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญยังไม่ใช่หลักฐานอันควรเชื่อถือได้ กกต.คงตอบกับสังคมยาก

นายปกรณ์ กล่าวว่า นอกจากนี้เหตุที่ต้องยื่น เพราะคำวินิจฉัยดังกล่าวของศาลรัฐธรรมนูญผูกพันกับ กกต.และมีผู้มาร้องเรียนในเรื่องนี้ ถ้า กกต.ไม่ยื่นคำร้องอาจจะมีความผิดตามกฎหมายได้ อีกทั้งการยื่นคำร้องในครั้งนี้เป็นไปตามมาตรา 92 ของ พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง จึงไม่มีเหตุที่จะต้องไต่สวน เพียงแต่ “มีหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่า” นั่นจึงไม่มีเหตุที่จะต้องไต่สวน ซึ่ง กกต.ปฏิบัติแบบเดียวกับการยื่นศาลรัฐธรรมนูญขอให้มีคำวินิจฉันยุบพรรคไทยรักษาชาติ  ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญรับวินิจฉัยเช่นเดียวกัน

สิ่งที่จะทำความเข้าใจกับสื่อ และประชาชนตามที่หลายฝ่ายกล่าวอ้างว่าทำไม กกต.ไม่แจ้งข้อกล่าวหา คือระเบียบการไต่สวนของ กกต. มี 2 ฉบับ ฉบับแรกใช้ทั่วไปตามฉบับปี 2561 กรณีที่ต้องดำเนินการตามมาตรา 93 แห่ง พ.ร.ป.พรรคการเมืองฯ เป็นเรื่องที่ปรากฏต่อนายทะเบียนพรรคการเมืองว่า มีการกระทำดังกล่าว นายทะเบียนจึงรวบรวมข้อเท็จจริง พยานหลักฐาน พร้อมความเห็นเสนอต่อ กกต. ระเบียบดังกล่าว ใช้เฉพาะกรณีมาตรา 93 การออกระเบียบนี้อาศัยตามมาตรา 93 ระบุไว้ชัด ไม่เกี่ยวกับมาตรา 92 ที่ความปรากฏต่อนายทะเบียน นายทะเบียนจะดำเนินการรวบรวมข้อเท็จจริง และพยานหลักฐาน เพื่อเสนอความเห็นต่อ กกต. การดำเนินการตามมาตรา 93 ของนายทะเบียนจะแจ้งข้อกล่าวหา และเปิดโอกาสให้ผู้ถูกกล่าวหาชี้แจง นี่คือความแตกต่างกันระหว่างมาตรา 92 และมาตรา 93 ของ พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง

“นี่คือสิ่งสำคัญที่อยากจะทำความเข้าใจกับประชาชน และสื่อมวลชน เพื่อให้เรื่องนี้กระจ่าง มีคำถามมากเหลือเกินที่เข้ามาว่า เห็นด้วยกับการยุบพรรคการเมืองหรือไม่ กกต.พูดคุยกันมาก และตอบได้อย่างเดียวว่า กกต.ไม่สามารถตอบได้ กกต.เป็นผู้ปฏิบัติ ต้องเคารพตามกฎหมาย และปฏิบัติตามกฎหมาย จะเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย ไม่ได้ แต่เมื่อใดมีผู้ไม่เห็นด้วยกับกฎหมาย และแก้กฎหมาย เช่น ไม่มีการบัญญัติในเรื่องยุบพรรคการเมือง เมื่อนั้น กกต.แม้แต่จะคิดก็ยังไม่กล้า นี่คือสิ่งที่เราทำตามกฎหมาย และปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมายทุกอย่าง บางครั้งอาจจะเกิดความเข้าใจสับสนบ้าง แต่สิ่งที่เราอยากแถลงให้สื่อทราบ ให้ประชาชนทราบ ก็คือเราทำตามกฎหมายทุกอย่าง ผลจะเป็นประการใด เราเคารพ และรับฟังปฏิบัติตามดุลพินิจของศาลรัฐธรรมนูญเต็มที่” นายปกรณ์ กล่าว

เมื่อถามว่าพรรคก้าวไกลส่งคลิปที่ประธาน กกต.ให้สัมภาษณ์ในทำนองยอมรับว่าการพิจารณาเรื่องยุบพรรคขัดต่อระเบียบและเป็นการข้ามขั้นตอน นายปกรณ์ กล่าวว่า สิ่งนี้จะต้องดูภาพรวมทั้งหมดของคำให้สัมภาษณ์ของแถลง ไม่ใช่ตัดเฉพาะบางส่วนออกมา ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า คำให้สัมภาษณ์ของประธาน กกต.ยืนยันว่าดำเนินการตามกฎหมายใช่หรือไม่ นายปกรณ์ กล่าวว่า ดำเนินการตามกฎหมายทุกประการ ทำตามมาตรา 92 ของ พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง ทุกประการ

เมื่อถามว่าพรรคก้าวไกลชี้แจงว่ากรณีของพรรคก้าวไกล กับ ทษช.ไม่เหมือนกัน เพราะตอน ทษช.ยังไม่มีระเบียบใหม่ที่ กกต.รองรับ นายปกรณ์ กล่าวว่า ประเด็นนี้อยู่ที่ศาล เราเป็นคู่กรณี ไม่อาจมีความเห็นอย่างไรได้ เราเคารพศาลอย่างยิ่ง

เมื่อถามถึงบัญชีพยานหลักฐานที่จะยื่นต่อศาลมีรายละเอียดอย่างไรบ้าง นายปกรณ์ กล่าวว่า เราได้ทราบคร่าวๆ แล้ว แต่กำลังรอหนังสือจากศาลฉบับเต็มว่าจะระบุอย่างไร แล้วเราจะรีบปฏิบัติตามคำสั่งศาลทันที

เมื่อถามว่า พรรคก้าวไกลชี้แจงแนวทางต่อสู้คดี ระบุว่าเรื่องนี้ควบรวมมาตรา 93 ด้วย นายปกรณ์ กล่าวว่า เรื่องนั้นเป็นความเห็นของคู่กรณี ส่วนในชั้นของ กกต.เป็นเรื่องมาตรา 92 ที่มีหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่า เมื่อ กกต.มีหลักฐานควรอันเชื่อได้ว่า พรรคการเมืองใดกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใด ดังต่อไปนี้ ให้ยื่นศาลรัฐธรรมนูญเพื่อสั่งยุบพรรคการเมืองนั้น จบแค่นี้ ส่วนมาตรา 93 เมื่อปรากฏต่อนายทะเบียนว่า พรรคการเมืองใดกระทำการตามมาตรา 92 ให้รวบรวมข้อเท็จจริง พยานหลักฐาน เสนอความเห็นต่อ กกต. ตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่ กกต.กำหนด หลักเกณฑ์และวิธีการที่กำหนดระบุไว้ชัดตามมาตรา 93

เมื่อถามว่า มีความเป็นไปได้หรือไม่ บัญชีพยานจะมี กกต. หรือประธาน กกต.เป็นพยานด้วย นายปกรณ์ กล่าวว่า อันนี้แล้วแต่ผู้ดำเนินการ ผู้ที่จะพิจารณา