สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงโดฮา ประเทศกาตาร์ เมื่อวันที่ 13 มิ.ย. ว่านายแอนโทนี บลิงเคน รมว.กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ กล่าวระหว่างการเยือนกาตาร์ ซึ่งเป็นจุดหมายแห่งสุดท้าย ของภารกิจโน้มน้าวให้ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะอิสราเอลและกลุ่มฮามาส ยอมรับแนวทางหยุดยิงซึ่งรัฐบาลวอชิงตันนำเสนอ เมื่อปลายเดือนพ.ค. ที่ผ่านมา “ในนามอิสราเอล”


ทั้งนี้ บลิงเคนยืนยันว่า อิสราเอลเห็นชอบกับแนวทางดังกล่าว ที่ได้รับความสนับสนุนจากคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ( ยูเอ็นเอสซี ) ด้วย แต่นายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู ผู้นำอิสราเอล ยังคงยืนกราน การต้องบรรลุ “เป้าหมายสูงสุดของสงคราม” นั่นคือการกำจัดกลุ่มฮามาสให้สิ้นซาก


อนึ่ง การหยุดยิงระยะที่หนึ่งจะกินเวลา 6 สัปดาห์ กองทัพอิสราเอลจะถอนกำลังออกจากพื้นที่มีประชากรหนาแน่น ขณะที่กลุ่มฮามาสต้องปล่อยตัวประกัน โดยเฉพาะเด็ก ผู้หญิง และคนชรา แลกกับการที่อิสราเอลจะปล่อยตัวนักโทษชาวปาเลสไตน์ “หลายร้อยคน”
นอกจากนี้ ชาวปาเลสไตน์ที่ต้องอพยพในช่วงปฏิบัติการทางทหาร จะสามารถเดินทางกลับภูมิลำเนาเดิมได้ รวมถึงในภาคเหนือของฉนวนกาซา และอิสราเอลจะเปิดทาง ให้รถบรรทุกสิ่งของด้านมนุษยธรรมราว 600 คัน สู่ฉนวนกาซาในแต่ละวัน


เมื่อเข้าสู่การพักรบระยะที่สอง อิสราเอลและกลุ่มฮามาสจะเจรจาเงื่อนไข เพื่อนำไปสู่การยุติความรุนแรงอย่างถาวร และการหยุดยิงจะดำเนินต่อไป ตราบใดที่การเจรจายังดำเนินอยู่ ส่วนแผนการขั้นที่สาม รวมถึงการฟื้นฟูฉนวนกาซาครั้งใหญ่


ขณะเดียวกัน บลิงเคนกล่าวว่า กลุ่มฮามาสแจ้งการตอบสนองอย่างเป็นทางการ ต่อเงื่อนไขเหล่านี้ ผ่านทางกาตาร์แล้ว โดยมีทั้ง “ข้อเสนอใหม่ที่ยอมรับได้และไม่น่าเป็นไปได้ในทางปฏิบัติ”


เกี่ยวกับสถานการณ์สู้รบตามแนวพรมแดนทางเหนือของอิสราเอล ซึ่งรุนแรงมากขึ้นระหว่างกองทัพอิสราเอลกับกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ ที่มีฐานอยู่ทางตอนใต้ของเลบานอน บลิงเคนกล่าวว่า “หนทางดีที่สุด” ซึ่งจะยับยั้งความรุนแรงดังกล่าวได้ คือการต้องหาทางบรรลุข้อตกลงหยุดยิงในฉนวนกาซาให้ได้.

เครดิตภาพ : AFP