เมื่อวันที่ 12 มิ.ย. เฟซบุ๊กวันนี้ก้าวไกลโกหกอะไร โพสต์ภาพนายเชตวัน เตือประโคน สส.ปทุมธานี พรรคก้าวไกล ถ่ายคู่กับนายบรรณสิทธิ์ วงษ์นาค ผู้ช่วย สส. ไปดูภาพยนตร์ Breaking The Cycle พร้อมข้อความระบุว่า ทุกคนคะ ผู้ช่วย สส. พรรคก้าวไกล ถูกจับ ข้อหา “ร่วมกันกรรโชกทรัพย์,ร่วมกันหน่วงเหนี่ยวกักขัง”   พบประวัติโชกโชน เมื่อวาน ตำรวจเข้าจับกุม นายบรรณสิทธิ์ วงษ์นาค ผช. สส. เชตวัน เตือประโคน พรรคก้าวไกล ปทุมธานี มีพฤติกรรม ” ตั้งแก๊งค์ รีดทรัพย์ อุ้มประชาชนเรียกค่าไถ่ ” โดยก่อนหน้านี้ไม่กี่วัน นายบรรณสิทธิ์ ยังไปดูหนัง BreakingtheCycle อวยธนาธร น้ำหู น้ำตาไหล ในโรงอยู่เลยค่ะ ปล. พรรคก้าวไกล ยังเงียบและไม่แสดงความรับผิดชอบอะไรเลยค่ะ

ทั้งนี้กรณีดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 11 มิ.ย.ที่ผ่านมา เมื่อตำรวจสอบสวนกลาง โดยกองบังคับการตำรวจทางหลวง (บก.ทล.) ร่วมกันจับกุมนายบรรณสิทธิ์ และพวก ที่ได้ลักพาตัวนายตระการ โภชน์สาลี อายุ 23 ปี ขึ้นรถกระบะอีซูซุสีดำ ทะเบียนจ.ฉะเชิงเทรา แล้วขับหลบหนีมุ่งหน้าเข้ามาในพื้นที่จ.นครราชสีมา ทำทีเข้ามาตรวจสอบเรื่องผู้มีอิทธิพล และ ลักลอบขายใบกระท่อม โดยการอ้างตัวว่าเป็นกรรมาธิการ (กมธ.) ของสภาผู้แทนราษฎร

ขณะที่ผู้สื่อข่าวพยายามโทรศัพท์สอบถามไปยังนายเชตวัน แต่ปรากฏว่าเจ้าตัวไม่ได้รับสายแต่อย่างใด

ต่อมานายเชตวัน ได้โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่ากรณี นายบรรณสิทธิ์ วงษ์นาค อ้างเป็นผู้ช่วย สส. ของผม กระทำความผิด ถูกจับกุมข้อหา “ร่วมกันกรรโชกทรัพย์ ร่วมกันหน่วงเหนี่ยวกักขัง” ตามที่ปรากฏทางออนไลน์นั้น ผมต้องขอโทษผู้เสียหายที่ได้รับผลกระทบจากการกระทำของนายบรรณสิทธิ์ รวมถึงขอโทษผู้สนับสนุนพรรคก้าวไกลทุกคนต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

นายเชตวัน ระบุต่อว่า ในแง่ข้อเท็จจริง ขอชี้แจงว่าบุคคลคนนี้ไม่ได้เป็นผู้ช่วย สส. ของผม ไม่ได้มีตำแหน่งในกรรมาธิการใดๆ เป็นเพียงคนทำงานในพื้นที่ปทุมธานี ซึ่งอยู่ในช่วงการทดลองงานด้วย ซึ่งการมีพฤติกรรมตามที่ถูกจับกุม ไม่ได้เป็นการสั่งการของผม และผมไม่เคยรับรู้มาก่อนแต่อย่างใด

“ผมได้พูดคุยกับรองสารวัตรทางหลวงนครราชสีมา ซึ่งเป็นผู้สกัดจับ รวมถึงพูดคุยกับรองผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรเมืองสุรินทร์ ผู้เป็นเจ้าของคดี เพื่อให้ความร่วมมือในการสืบสวน ทำให้ทราบถึงพฤติกรรมของบุคคลดังกล่าว โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้ง 2 ยืนยันว่า จากการสืบสวนการกระทำของนายบรรณสิทธิ์ เป็นพฤติกรรมส่วนตัว ไม่ได้เกี่ยวข้องกับผม และไม่มีความจำเป็นใดที่ต้องเรียกผมไปให้ปากคำ ทั้งนี้ ผมได้สั่งให้บุคคลคนนี้ออกจากทีมทันทีหลังจากทราบข่าว กรณีที่เอาชื่อผมไปแอบอ้าง คงไม่ติดใจอะไร แต่ในส่วนของพรรค ก็เป็นการพิจารณาของพรรคว่าจะดำเนินการอย่างไรหรือไม่ต่อกรณีที่ทำให้พรรคเสียหาย เรื่องที่เกิดขึ้น ถือเป็นบทเรียนของผมและพรรคก้าวไกลในการรับคนมาเป็นทีมงานต่างๆ ในอนาคต”นายเชตวันระบุ

ด้านนายชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวว่า ตนเพิ่งทราบเรื่องดังกล่าว คงต้องให้นายเชตวันมาชี้แจง หากเป็นผู้ช่วยสส.จริง ก็ต้องมีหลักฐานข้อมูลที่พิสูจน์ได้ว่ามีความผิดจริง ว่าไปแอบอ้างทีมงานของคณะกรรมาธิการ ก็ต้องถูกลงโทษทางวินัย และขับออกจากการเป็นผู้ช่วยสส.และตำแหน่งต่างๆในกมธ. รวมถึงสมาชิกพรรคก้าวไกล  และหากมีความผิดทางกฎหมายด้วยเราก็ต้องดำเนินคดีทางกฎหมายด้วย ยืนว่าไม่ปกป้องและสนับสนุนให้มีการดำเนินคดีทางอาญาด้วย

“ที่ผ่านมาได้มีการเตือนมาตลอดให้ระมัดระวัง แต่สส.เองก็ไม่รู้ว่าคนที่มาอาสาช่วยงานจะฉวยโอกาสมีพฤติกรรม ใช้ตำแหน่งหน้าที่ไปหากิน หาผลประโยชน์ ให้ตัวเองหรือไม่ หากพบก็ต้องไม่ปกปิดและดำเนินการตามกฎหมายเพื่้อเป็นตัวอย่างว่าห้ามมีพฤติกรรมแบบนี้“หัวหน้าพรรคก้าวไกลกล่าว.