เมื่อวันที่ 12 มิ.ย. ที่รัฐสภา นายชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญเรียกบัญชีรายชื่อพยานหลักฐาน คดียุบพรรคก้าวไกลเพิ่มเติมจาก กกต.ว่า ยังไม่สามารถสรุปได้ เนื่องจากหลังที่เราได้ยื่นคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาไปแล้ว ฝ่ายกฎหมายของพรรคก็ได้ไปยื่นบัญชีพยานเพิ่มเติม และยื่นขอให้ศาลไต่สวน แต่วันนี้ศาลยังไม่ได้มีการพิจารณาเรื่องการเปิดไต่สวนหรือเรียกพยานตามที่พรรคก้าวไกลในฐานะผู้ถูกร้องยื่นไป วันนี้ที่เห็นตามเอกสารคือการมีมติสั่งให้ กกต. ส่งพยานหลักฐานเพิ่มเติม ซึ่งก่อนหน้านี้ กกต. ก็เคยยื่นพยานหลักฐานและพยานบุคคลไปให้ศาลแล้ว เท่าที่เราทราบ ดังนั้นที่ศาลรัฐธรรมนูญให้ กกต.ยื่นเพิ่มเติมจะเกี่ยวข้องกับเรื่องอะไร เป็นพยานบุคคลหรือเอกสารก็ยังไม่ทราบ แต่ตนคาดการณ์ว่าน่าจะเกี่ยวข้องกับข้อโต้แย้งของพรรคก้าวไกล เรื่องการยื่นของ กกต.ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งภายในวันนี้ ฝ่ายกฎหมายพรรคก้าวไกลก็จะไปยื่นบัญชีเอกสารเพิ่มเติมเหมือนกัน

“เป็นคำให้สัมภาษณ์ของประธาน กกต.เอง ซึ่งเราเห็นว่านี่เป็นการยอมรับโดยตัว กกต.เองว่าตัวเองไม่ได้ปฏิบัติตามระเบียบที่ กกต.กำหนด ในการยื่นยุบพรรค ตามมาตรา 92 และ 93 ที่ประกอบด้วยระเบียบที่ กกต.เป็นคนกำหนดกฎเกณฑ์ออกมา เราเองก็จะไปยื่นเพิ่มเติมเหมือนกัน เพื่อประกอบข้อต่อสู้ของเราในวันนี้” นายชัยธวัช กล่าว

นายชัยธวัช กล่าวต่อว่า เรื่องที่ศาลรัฐธรรมนูญ ให้สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญศึกษาเพิ่มเติม ตนก็ไม่ทราบรายละเอียด แต่ถ้าจะให้คาดการณ์ ก็น่าจะเกี่ยวข้องกับข้อต่อสู้ของพรรคก้าวไกล ไม่ว่าจะเรื่องเขตอำนาจศาล หรืออำนาจในการตัดสิทธิกรรมการบริหารพรรค

เมื่อถามว่าเป็นไปตามที่ประเมินไว้หรือไม่ นายชัยธวัช กล่าวว่า แสดงว่าศาลรัฐธรรมนูญเห็นประเด็นสำคัญในข้อต่อสู้ของพรรคก้าวไกล จึงมีการให้ส่งเอกสารเพิ่มเติม หรือให้สำนักงานศึกษาเพิ่มเติมแต่ก็ยังบอกไม่ได้ว่าสุดท้ายศาลจะเปิดให้ไต่สวนหรือไม่ ซึ่งจะทราบเร็วที่สุดคือสัปดาห์หน้า ทั้งนี้พรรคก้าวไกลก็หวังว่าศาลจะเปิดโอกาสให้ต่อสู้คดีอย่างเต็มที่ มีการไต่สวนพยาน มีการพิจารณาข้อเท็จจริงใหม่อย่างเต็มที่ ส่วนประเมินว่าศาลจะเปิดให้ไต่สวนเต็มรูปแบบ หรือ สั่งให้ปากคำแบบปิด ตนไม่ทราบ แต่การเปิดไต่สวนอย่างเปิดเผยย่อมดีที่สุดกับทุกฝ่าย เพื่อให้สุดท้ายคำวินิจฉัยออกมาเป็นที่ยอมรับ

เมื่อถามว่าได้มีการเช็กชื่อลูกพรรคบ้างหรือไม่ นายชัยธวัช กล่าวว่า ไม่จำเป็นต้องเช็กชื่อตอนนี้ สส. เตรียมพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 เป็นหลัก ซึ่งตอนนี้อยู่ในโค้งสุดท้ายแล้วอาจมีการปรับอีกเล็กน้อย ในช่วงสัปดาห์ที่เหลือ

เมื่อถามว่าประเด็นเรื่องงูเห่าถ้าคนที่ไม่คิดเป็น สส.อีกแล้ว ก็คงไม่ยึดมั่นในอุดมการณ์  นายชัยธวัช กล่าวว่า ตนยังเชื่อมั่นว่า สส. ของพรรคก้าวไกล จะไม่ได้คิดเรื่องตัวเองเป็นตัวตั้ง และเชื่อว่า สส.ของพรรคเห็นความสำคัญของการไว้วางใจที่ประชาชนมอบให้ในการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา และย้ำว่าไม่ได้เสียขวัญ ยิ่งฟังที่​นายพิธา​ ลิ้มเจริญ​รัตน์​ อดีตหัวหน้าพรรค แถลงเรื่องข้อต่อสู้ในคดี ก็ยิ่งทำให้สส.ของพรรค รู้สึกว่ามีประเด็นในการต่อสู้ได้อยู่ ขออย่าเพิ่งไปสรุปว่า สุดท้ายแล้วคดีนี้ผลจะออกมาอย่างไรแน่นอน

เมื่อถามถึงกรณีประธาน กกต. ระบุว่า การที่ยื่นเอกสารไปยังศาลรัฐธรรมนูญ เพราะมีเอกสารข้อเท็จจริงคำพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ ในวันที่ 31​ ม.ค.​ 2567​ มาแล้วจึงไม่จำเป็นต้องให้พรรคก้าวไกลชี้แจง นายชัยธวัช กล่าวว่า การแยกข้อเท็จจริงพยานหลักฐาน เป็นคนละเรื่องกับการปฏิบัติ ตามกระบวนการตามกฎหมายและระเบียบที่ กกต.เป็นผู้กำหนด และขอย้ำว่าการยื่นร้องยุบพรรค ตามมาตรา 92 ของ พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง แต่การปฏิบัติต้องปฏิบัติประกอบกระบวนการตามมาตรา 93 และระเบียบที่ กกต.เป็นผู้กำหนด มารองรับการปฏิบัติ ซึ่งต้องมีขั้นตอนที่ให้มีการตั้งคณะบุคคลขึ้นมา เพื่อสรุปรายงานให้แก่นายทะเบียนพรรคการเมือง และคณะกรรมการการเลือกตั้ง พิจารณาก่อนจะยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ ดังนั้นการบอกว่ามีพยานหลักฐานเพียงพอแล้ว ไม่ได้เป็นเหตุผลที่จะไม่ทำตามกฎหมาย รวมถึงระเบียบที่ตัวเองเป็นผู้กำหนด แม้จะมีพยานหลักฐานเพียงพอ​ กระบวนการตามขั้นตอนก็ต้องมีครบ​  และต้องให้พรรคก้าวไกลในฐานะผู้ถูกร้อง​ได้มีโอกาสโต้แย้งก่อน​ แล้วค่อยมีมติออกมาว่ามีพยานหลักฐาน​เพียงพอจึงไปยื่นคำร้องยุบพรรค​  ซึ่งแม้กระทั่งการที่ กกต.มีเอกสารเผยแพร่ให้พรรคการเมืองก็ชัดเจนมาตลอดว่าต้องใช้แบบนี้​  ไม่มีช่องทางใดที่​ให้ กกต.ใช้ดุลพิ​นิจโดยลำพัง.