ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ศูนย์ราชการจังหวัดชายแดนภาคใต้ อ.เมือง จ.ยะลา นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย พร้อมด้วย พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ร่วมต้อนรับและรับ welcome drink ร่วมกับทูตไทย ที่ประจำการในประเทศกลุ่ม OIC และคณะทูตประเทศโลกมุสลิมที่ประจำการในประเทศไทย รวม 12 ราย ในโอกาสเยือนปัตตานี ยะลา นราธิวาส ภายใต้กิจกรรมเสริมสร้างความเข้าใจและสานสัมพันธ์คณะทูตกลุ่มประเทศมุสลิม ประจำปี 2567 ระหว่างวันที่ 11-13 มิถุนายน นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวต้อนรับช่วงหนึ่งว่า ในนามของรัฐบาลไทย รู้สึกเป็นเกียรติและยินดีอย่างยิ่ง ที่ได้มีโอกาสต้อนรับคณะทูตจากกลุ่มประเทศมุสลิม โดยนายกรัฐมนตรี ได้แถลงนโยบายว่า ประเทศไทยจะเป็นศูนย์กลางของภูมิภาคในด้านสุขภาพ การขนส่งทางอากาศ การสื่อสาร การศึกษา และการท่องเที่ยว มุ่งเน้นการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของประเทศในการแข่งขัน และความเจริญรุ่งเรืองในภูมิภาค ภายใต้เป้าหมายเดียวกัน ผมเชื่อมั่นว่า การพูดคุยในค่ำคืนนี้ จะช่วยส่งเสริมความเป็นหุ้นส่วนของเราในด้านเศรษฐกิจ ความปลอดภัย และความสันติสุข ในนามของรัฐบาลไทย ขอขอบคุณในการเยือนของท่านในครั้งนี้ และหวังเป็นอย่างยิ่งว่า จะได้ทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดต่อไปในอนาคต

ด้าน พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ที่กล่าวว่า พื้นที่ จชต. เป็นพื้นที่ที่มีความหลากหลายทางวัฒนธรรม และภาษา เป็นสังคมที่เรียกว่า “พหุวัฒนธรรม” ไม่ผูกขาดทางวัฒนธรรม หรือไม่เลือกปฏิบัติทางวัฒนธรรมโดยไม่เป็นธรรม ประชากรส่วนใหญ่นับถือศาสนาอิสลาม เป็นพื้นที่ที่มีทรัพยากรอุดมสมบูรณ์ ทั้งด้านเกษตรและประมง มีความมั่นคงทางอาหาร เป็นเมืองท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม อย่างไรก็ตาม ผมเป็นคนหนึ่งที่มีความตั้งใจและมุ่งหวังให้ จชต. ได้รับการพัฒนา มีสันติภาพ สันติสุข และความเจริญรุ่งเรือง ซึ่งหัวใจสำคัญที่จะนำไปสู่ความสำเร็จ คือ การส่งเสริมการอยู่ร่วมกันภายใต้การเคารพความแตกต่าง ควบคู่กับการพัฒนาศักยภาพประชาชนในพื้นที่ ตลอดจนเปิดโอกาสให้ประชาชน มีส่วนร่วมในการพัฒนาอย่างเต็มที่

โอกาสนี้เอกอัครราชทูตบรูไน เป็นผู้แทนคณะทูตฯ ได้กล่าวว่า ขอบคุณเจ้าภาพ จชต. และประเทศไทยที่ให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น พร้อมจัดเตรียมเสื้อบาติกสีเขียวที่สวยงามจากกลุ่มประชาชนให้สวมใส่ในค่ำคืนนี้ อย่างไรก็ตาม ภายหลังได้สัมผัสวิถีชีวิตของประชาชนในพื้นที่วันนี้แล้ว พบว่ามีวัฒนธรรมและอัตลักษณ์ที่คล้ายคลึงกับบรูไน แบ่งเพียงภูมิประเทศที่เป็นเขตแดน จึงพูดได้ว่า เราคือบ้านพี่เมืองน้อง โดยการลง จชต. ในครั้งนี้ มองเห็นโอกาสในการร่วมมือทางเศรษฐกิจ โดยเฉพาะด้านอาหารฮาลาล และมีความยินดีอย่างยิ่งในการส่งเสริมความร่วมมือด้านการศึกษาและวัฒนธรรม เนื่องจากทุกวันนี้มีเยาวชนไทยไปเรียนที่ประเทศบรูไน กันมากขึ้นด้วย

นายดามพ์ บุญธรรม เอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงริยาด ซาอุดีอาระเบีย กล่าวว่า ที่ผ่านมาหลายคนได้รับรู้ถึงสถานการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้นในพื้นที่ จชต. การเยือนพื้นที่ในครั้งนี้จะได้เห็นอีกด้านหนึ่ง ที่มีความหลากหลายทางอัตลักษณ์และวัฒนธรรม เห็นถึงการส่งเสริมเศรษฐกิจในพื้นที่ เช่น กลุ่มเพนท์ผ้ายาริงบาติก อ.ยะหริ่ง จ.ปัตตานี จะเห็นถึงการที่รัฐบาลให้ความสำคัญกับบทบาทหน้าที่ของผู้หญิงในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจในพื้นที่ อย่างไรก็ตาม การยกระดับ จชต. จำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือของทุกภาคส่วนทั้งในและต่างประเทศ

สำหรับเมนูจัดเลี้ยงอาหารค่ำแก่คณะทูตฯ ได้รับการรังสรรค์เมนูอาหารจาก chef table โดยกลุ่มลูกเหรียง จ.ยะลา เสิร์ฟเมนูท้องถิ่น เน้นใช้วัตถุดิบในพื้นที่ ใช้ขั้นตอนการทำใหม่ ให้มีรสชาติสากลมากยิ่งขึ้น ประกอบด้วยเมนูเมี่ยงลูกมุดหน้าปู ซำปูซะไส้ปลาอินทรี ตูปะซูตง (กุ้งยัดไส้) ซอเลาะอีแก (ปลายัดไส้) นาซิดาแฆ ข้าวสมุนไพร และเนื้อย่างกอและนราธิวาส สำหรับเมนูของหวาน ประกอบด้วย หวานเย็นทรงเครื่อง โดยใช้ลูกตาลโตนด และกล้วยหินบางลางทอด ส่วนเครื่องดื่มจะเป็นโซดาซ่าตาลโตนด สำหรับการเดินทางลง จชต. ของทูต 12 ประเทศนี้ รัฐบาล ศอ.บต. กระทรวงการต่างประเทศ และหน่วยงานในพื้นที่ จัดขึ้นเพื่อสร้างการรับรู้และความเข้าใจที่ถูกต้องแก่คณะทูตกลุ่มเป้าหมาย เกี่ยวกับนโยบายของรัฐบาล พร้อมสื่อสารข้อเท็จจริงเชิงบวกเกี่ยวกับสถานการณ์ในชายแดนใต้แก่คณะทูต 12 ประเทศ และเพื่อเสริมสร้างความสัมพันธ์ และแสวงหาความร่วมมือระหว่างประเทศ นำไปสู่การพัฒนาและการยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนใน จชต.