“ช้างศึก” ทีมฟุตบอลทีมชาติไทย ตกรอบ ฟุตบอลโลก 2026 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย รอบ 2 กลุ่ม C นัดสุดท้าย ที่ราชมังคลากีฬาสถาน ชนะ สิงคโปร์ 3-1 จบ 6 นัด ด้วยการมี 8 แต้ม เท่าจีน แถมประตูได้ และเสียเท่ากันที่ ได้ 9/เสีย 9 แต่ไทย หล่นที่ 3 ตกรอบ เพราะเมื่อมาดูเฮดทูเฮด แพ้จีน(แพ้ 1-2, เสมอ 1-1) ทำให้ทีมชาติไทย ตกรอบ 2 คัดฟุตบอลโลก โซนเอเชีย 2 สมัยติด

ขณะเดียวกัน สรุปทีมที่เข้ารอบ 18 ทีมสุดท้ายดังนี้

กาตาร์, คูเวต, ญี่ปุ่น, เกาหลีเหนือ, เกาหลีใต้, จีน, โอมาน, คีร์กีซสถาน, อิหร่าน, อุซเบกิสถาน, อิรัก, อินโดนีเซีย, จอร์แดน, ซาอุดีอาระเบีย, ยูเออี, บาห์เรน, ออสเตรเลีย, ปาเลสไตน์

โดยรอบ 3 จะแข่งกันในฟีฟ่าเดย์ เดือน ก.ย.67, ต.ค.67, พ.ย.67, มี.ค.68 และ มิ.ย.68

ส่วนทีมที่ตกรอบ 2 อินเดีย, อัฟกานิสถาน, ซีเรีย, เมียนมา, ไทย, สิงคโปร์, มาเลเซีย, ไต้หวัน, เติร์กเมนิสถาน, ฮ่องกง, เวียดนาม, ฟิลิปปินส์, ทาจิกิสถาน, ปากีสถาน, เยเมน, เนปาล, เลบานอน, บังกลาเทศ

เวียดนาม

สำหรับ ทีมชาติไทย ผลจากการตกขบวนไม่ได้เล่นรอบ 18 ทีมสุดท้าย ทำให้ช่องว่างในฟีฟ่าเดย์ จนถึงเดือน มิ.ย.68 ซึ่งจะรวมถึง คิงส์คัพ เดือน ก.ย. ต้องหาทีมมาอุ่นเครื่องด้วย อย่างไรก็ตาม ก็จะไม่ได้อุ่นกับ 18 ทีมที่เข้ารอบสุดท้ายโซนเอเชีย ดังนั้น จึงต้องเลือกเอาจากอีก 17 ทีมที่ตกรอบ ถ้าแข็งๆ หน่อยก็ อินเดีย, ซีเรีย, เวียดนาม, เลบานอน, เยเมน

เลบานอน เพิ่งมาเตะคิงส์คัพ
ซีเรียก็แข็งดี

หรือจะไปดูทีมเอเชียที่ตกรอบแรก ก็มี มองโกเลีย, มัลดีฟส์, กวม, ศรีลังกา, มาเก๊า, กัมพูชา, ติมอร์, บรูไร, ภูฏาน, ลาว

อีกทางเลือกหนึ่ง ก็ต้องไปนอกทวีป ซึ่งก็อาจจะลำบากกับการดีลกับทีมที่อยู่ไกลๆ และไม่มีคิวคัดบอลโลก เพราะ 2 ปีจากนี้ จะเป็นฤดูกาลของการคัดบอลโลก 2026 อย่างแท้จริง