วันที่ 10 มิ.ย. “Chamber Business Poll” ของศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ได้สำรวจพฤติกรรมและการใช้จ่ายของคนไทยในช่วงมหกรรมฟุตบอลยูโร 2024 (Euro 2024) โดยคาดการณ์ว่าจะมีเงินหมุนเวียน 87,620.03 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14.0% เมื่อเทียบฟุตบอลยูโรครั้งก่อน

ทั้งนี้ ผลสำรวจที่น่าสนใจคือ ฟุตบอลยูโร 2024 คนไทยใช้จ่ายในระบบเศรษฐกิจ 20,575.71 เพิ่มขึ้น 5.1% และการใช้จ่ายนอกระบบเศรษฐกิจ (พนันบอล) 67,044.32 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 17.10% เมื่อเทียบกับฟุตบอลยูโรครั้งก่อน

“ธนวรรธน์ พลวิชัย” อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ ระบุว่า “บรรยากาศบอลยูโร 2024 คึกคัก เพราะมีการถ่ายทอดสด ทำให้เกิดกิจกรรมทางเศรษฐกิจจำนวนมาก เช่น จำหน่ายอาหารและเครื่องดื่ม ร้านอาหารนั่งเชียร์บอล ที่คนเริ่มกลับมาเชียร์บอลตามปกติแล้ว เห็นได้จากเม็ดเงินใช้จ่ายในระบบเศรษฐกิจครั้งนี้ ที่สูงกว่า 20,000 ล้านบาท สูงสุดในรอบ 8 ปี แต่ที่เติบโตโดดเด่นที่สุด คือ ปริมาณเงินพนันบอล ที่สูงถึง 67,044.32 ล้านบาท สูงสุดในรอบ 16 ปี ทำให้ธุรกิจการพนันบอลยูโรครั้งนี้เติบโตสูงสุดเป็นประวัติการณ์”

พฤติกรรมการใช้จ่าย “ฟุตบอลยูโร 2024” คนไทยใช้จ่ายกับอะไรมากที่สุด?

1. อาหารและเครื่องดื่ม สัดส่วน 64.4% ใช้จ่าย 3,700.11 บาทต่อคน

2. เดิมพันกีฬา/เล่นพนัน สัดส่วน 32.6% ใช้จ่าย 23,574.3 บาทต่อคน

3. ซื้อสินค้า/ของที่ระลึกของทีมบอล สัดส่วน 16.9% ใช้จ่าย 2,475.21 บาทต่อคน

4. ส่ง SMS ชิงรางวัล สัดส่วน 11% ใช้จ่าย 552.56 บาทต่อคน

5. อาหารและเครื่องดื่ม (ร้านอาหาร) สัดส่วน 10.8% ใช้จ่าย 4,497.37 บาทต่อคน

6. ซื้อไปรษณียบัตร สัดส่วน 7.1% ใช้จ่าย 640 บาทต่อคน

7. ติดตั้งสัญญาณดาวเทียม สัดส่วน 3.8% ใช้จ่าย 4,033.33 บาทต่อคน

8. อุปกรณ์สำหรับการรับชม สัดส่วน 3.8% ใช้จ่าย 1,557.69 บาทต่อคน

9. สมัครแพ็กเกจเพื่อรับชม สัดส่วน 3.5% ใช้จ่าย 1,132.40 บาทต่อคน

10. ซื้อตั๋วเครื่องบินไปดู สัดส่วน 1.1% ใช้จ่าย 36,725 บาทต่อคน

11. ติดตั้งกล่องสัญญาณอินเทอร์เน็ต สัดส่วน 0.8% ใช้จ่าย 1,333,33 บาทต่อคน

นอกจากนี้ หากดูผลสำรวจจะพบว่า ฟุตบอลยูโร 2024 ผู้ที่จะรับชมด้วย ส่วนใหญ่ 46% กลุ่มวัย Baby Boomer อายุ 60-78 ปี จะรับชมครอบครัวมากที่สุด และกลุ่มวัย Gen Z 39.1% อายุ 14-24 ปี เลือกรับชมกับเพื่อนมากที่สุด

ที่มา : ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ณ วันที่ 10 มิ.ย. 67