“ทุกครั้งที่ผมขายบริษัทได้ ผมจะจ่ายเงินโบนัสให้พนักงานทุกคนที่มีอายุงานมากกว่า 1 ปี” มาร์ค คิวบัน มหาเศรษฐีชาวอเมริกัน นักลงทุนและเจ้าของธุรกิจระดับพันล้านดอลลาร์สหรัฐ โพสต์ข้อความไว้บนเอ็กซ์ (ทวิตเตอร์) เมื่อวันที่ 5 มิ.ย. ที่ผ่านมา โดยเป็นการตอบคำถามของผู้ใช้เอ็กซ์ที่ชื่อว่า “Purpleiris” ซึ่งตั้งคำถามว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับพนักงาน เมื่อเจ้าของกิจการขายบริษัทที่ทำกำไรได้ไม่ดี
![](https://t.dailynews.co.th/wp-content/uploads/2024/06/Screenshot-2567-06-10-at-11.35.52.png)
คิวบัน ชี้ว่า ยิ่งเขาขายธุรกิจในมือได้เงินมามากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งจ่ายเงินโบนัสก้อนใหญ่ให้พนักงานมากขึ้นเท่านั้น ดังเช่นพนักงานจำนวน 300 คน จากจำนวนทั้งหมด 330 คน ของบริษัท Broadcast.com ซึ่งกลายเป็นเศรษฐีเงินล้านในปี 2542 เมื่อเขาขายหุ้นของบริษัทให้บริการสตรีมมิ่งเสียงให้ยักษ์ใหญ่อย่าง “ยาฮู” ในราคา 5,700 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 210,355 ล้านบาท)
คิวบัน เริ่มธรรมเนียมปฏิบัติส่วนตัวนี้ของเขา ตั้งแต่การขายบริษัทของตัวเองเป็นครั้งแรก ซึ่งเป็นบริษัทซอฟต์แวร์ชื่อว่า ไมโครโซลูชั่นส์ ให้บริษัทคอมพิวเซิร์ฟ ในปี 2533 เป็นเงินจำนวน 6 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 221.4 ล้านบาท) เขานำเงิน 20% จากยอดสุทธิที่ขายได้มา จ่ายให้พนักงานในบริษัทดังกล่าวจำนวน 80 คน ซึ่งหากแบ่งเท่า ๆ กัน จะได้เงินคนละ 15,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 553,665 บาท)
คิวบันเคยทำอย่างเดียวกันนี้ตอนที่เขาขายหุ้นส่วนใหญ่ของบริษัท HDNet หรือช่อง AXS TV ในปี 2562 และหุ้นของทีมบาสเกตบอลเอ็นบีเอ “ดัลลัส มาเวอริคส์” เมื่อปีที่แล้ว โดยระบุว่า มีเพียงพนักงานของ HDNet เท่านั้น ที่โดนเลย์ออฟหลังจากการขายหุ้น
ในอดีต คิวบันเป็นผู้ร่วมก่อตั้งและขายบริษัทไมโครโซลูชั่นส์ ซึ่งทำให้เขามีชื่อเสียงขึ้นมา เพราะสามารถประสบความสำเร็จในการทำธุรกิจ หลังจากเผชิญหน้ากับอุปสรรคครั้งใหญ่ กล่าวคือเกือบจะต้องกลายเป็นบุคคลล้มละลาย เพราะโดนเลขาฯ ของเขาขโมยเงินทุนของบริษัทไป 82,000 ดอลลาร์เหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 3 ล้านบาทเศษ
ต่อมาอีก 5 ปีหลังจากนั้น คิวบันก็ขายบริษัทไมโครโซลูชั่นส์ซึ่งทำให้เขากลายเป็นเศรษฐีเงินล้าน
ในปี 2538 คิวบันลงทุนและเข้าไปบริหารบริษัทออดิโอเน็ต ธุรกิจด้านแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งเสียง ซึ่งต่อมากลายเป็นบริษัท Broadcast.com ในตอนแรกเริ่มนั้นมีแต่คนไม่เชื่อมั่นในธุรกิจนี้ เพราะเครือข่ายอินเทอร์เน็ตยังขาดความเสถียร คิวบันเล่าว่าในตอนนั้นไม่มีใครสนใจธุรกิจนี้เลย และมีแต่คนกล่าวหาว่าเขาเป็นไอ้โง่
สืบเนื่องจากการขาย Bradcast.com ไป ทำให้คิวบันได้รับหุ้นจำนวนมากของยาฮูไปด้วย ซึ่งในตอนนั้นมีมูลค่าสูงมาก แต่แทนที่เขาจะเก็บมันไว้ เศรษฐีหนุ่มกลับปล่อยขายหุ้นออกไปอย่างรวดเร็วและพอใจกับเงินที่ได้มามาก โดยเขามองว่าตลาดหุ้นตอนนั้นปั่นราคาเกินเหตุ
คิวบันตัดสินใจถูก เพราะหลังจากนั้นไม่กี่เดือน ฟองสบู่ธุรกิจอินเทอร์เน็ตก็แตก ทำให้มูลค่าหุ้นของยาฮูตกลงอย่างมาก คิวบันกล่าวว่า เหตุการณ์นั้นสอนบทเรียนให้เขาว่า “ถ้าเอาแต่ไล่ตามเงิน ก็อาจจะจบไม่สวย”
![](https://t.dailynews.co.th/wp-content/uploads/2024/06/GettyImages-1851247952.jpg)
เมื่อปีที่แล้ว คิวบันขายหุ้นส่วนใหญ่ของทีมดัลลัส มาเวอริคส์ ให้ตระกูลอเดลสันและดูมองต์ ผู้บริหารบริษัทลาสเวกัส แซนด์ส คอร์เปอเรชั่น ในราคาประมาณ 3,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 129,090 ล้านบาท) โดยที่เขายังคงมีหุ้นอยู่ในมาเวอริคส์ 27% และเป็นผู้บริหารทีม
การซื้อขายครั้งนี้ เท่ากับเป็นการยุติบทบาทผู้ถือหุ้นใหญ่ของทีมมาเวอริคส์ ตลอดระยะเวลายาวนานของคิวบัน
ก่อนหน้านั้นในปี 2543 คิวบันซึ่งเพิ่งกลายเป็นมหาเศรษฐีพันล้านหมาด ๆ ทุ่มเงินซื้อหุ้นของทีมนี้ในราคา 285 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 10,510 ล้านบาท) โดยไม่มีการต่อรองขอส่วนลดใด ๆ
คิวบันกล่าวในการให้สัมภาษณ์ภายหลังว่า การซื้อครั้งนั้นเป็นเหมือนความฝันของเขา เขาไม่ต่อราคาเลยแม้แต่ดอลลาร์เดียว เพราะคิดว่าเท่าไหร่ก็จะซื้อ
ปัจจุบัน นิตยสารฟอร์บส์ระบุว่า มูลค่าสินทรัพย์สุทธิของคิวบันคือ 5,400 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 199,152 ล้านบาท
ที่มา : cnbc.com
เครดิตภาพ : GETTY IMAGES