ยังคงเป็นประเด็นร้อนในโลกออนไลน์ที่หลายคนสนใจติดตามอย่างต่อเนื่องสำหรับเรื่องราวของนักร้องคนดัง หนุ่ม กะลา และอดีตภรรยา จูน เพ็ญชุลี ที่ล่าสุดออกมาฟาดฟันกันผ่านสื่อปมยักยอกทรัพย์ 66 ล้านบาทไป งานนี้ทำเอาหลายคนสนใจหนักมากและติดตามกันอย่างมากมาย

ล่าสุดในโลกออนไลน์พากันแชร์เรื่องราวของ หนุ่มหลังจากออกมาตั้งโต๊ะแถลงข่าว ล่าสุดพร้อมกับทนายเดชา โดยได้พูดถึงปมดราม่านี้ด้วยตัวเอง โดยมีบางช่วงบางตอนในการเล่าพฤติกรรมของสาวจูนในมุมมองของตนเอง เกี่ยวกับเรื่องการใช้จ่ายเงิน

หนุ่ม เผยว่า “ถามว่าอะไรที่ทำให้ผมมั่นใจว่าจูนเอาเงิน 66 ล้านไป คือผมไม่ได้มั่นใจว่าตอนนี้เขามีเงิน 66 ล้านครับ ผมคิดว่าต่อให้ผมขึ้นศาลแล้ว ผมก็จะไม่ได้เงินเลยสักบาทครับ ผมเชื่อว่าเป็นแบบนั้น ซึ่งผมว่าสเตทเมนต์มันโกหกคนไม่ได้ครับ ตลอดเวลาที่รู้จักกันมานานเขามีท่าทีแบบนี้ไหม(ยิ้ม)จริงๆอะผมถ้าเกิดว่าไม่ใช่นักร้อง ผมเป็นบื้อๆคนหนึ่งด้วยซ้ำ เดินห้างเองไม่ได้ จ่ายค่าไฟเองไม่ได้ จูนเป็นเหมือนทั้งเพื่อน เป็นทั้งแม่ ทั้งน้องสาว พี่ชาย เขาทำแทนหมดเลยทุกอย่าง บางอย่างต่อให้เราสงสัยแค่ไหน เราก็จะไม่เอ่ยปากถามหรอก เพราะเรารู้สึกว่าเราอยู่กันมานาน เราก็รู้สึกว่าเราก็โอเคๆ เหมือนเวลาอยากได้แว่นสักอันแต่แม่ไม่ให้ แต่ก็หงุดหงิดแค่นั้นแล้วก็จบ”

“การใช้ของหรือซื้อของ ถามว่าผมของเขาบ่อยไหม คือเวลาไปช้อปปิ้งด้วยกัน ก็ขอเท่าที่เขาจะกรุณาแล้วกัน(ยิ้ม)สิ่งไหนเหมาะสมเขาก็ให้ ไมโครโฟนที่อัดร้องเพลง ผมก็ต้องเก็บเงินซื้อเองนะครับ ทั้งที่เงินอยู่ที่จูน ถ้าเขาทำเพื่อลูกจะต้องไม่เอาเงินเดือนจากผมแล้วครับ ที่เขาทำแบบนี้ ผมคิดว่าเขาอาจจะมีความไม่มั่นใจ เขาระแคะระคายเรื่องบุคคลที่สามมาแล้วสัก 2-3 ปีแล้ว เขาเลยตั้งรับไว้ แต่พฤติกรรมนี้เป็นมาก่อนที่จะมีอันนี้นะ สเตทเมนต์มันฟ้องย้อนกลับไปไกลมากก่อนมีอันนี้ ช่วงที่เวลาเรายังมีเงินไม่เยอะ เธอก็เอาเหรอ(หัวเราะ)9 ปีที่ฟ้องไปครับ”

หนุ่ม เล่าต่อว่า “เราฟ้องเขาก็จริง แต่เราแค่อยากให้เขาแจง ถ้ามีเงินเหลือปิดหนี้ให้ผม เอาไปดูแลลูกได้เลย ผมเชื่อว่าเขาเป็นแม่ที่ดี และจัดเก็บเงินนี้ไว้เพื่อลูกได้แน่ๆ ต่อให้ปิดหนี้แล้วผมก็ยังจะส่งเสียลูกอยู่นะ ความสัมพันธ์ชีวิตคู่จบไปแล้ว นานแล้ว แต่ร้าวกว่านี้ไหม ผมไม่ได้โกรธเขา และไม่ได้คิดว่าต้องติดคุกนะ ผมเองเป็นคนพูดกับพี่เดชาเองว่าไม่นะพี่ ผมไม่ได้ต้องการเห็นใครฉิบหายไม่ได้อยากเห็นใครล้ม ผมอยากได้ในส่วนที่เป็นของผม ผมร้องขอพอ เรื่องผลกระทบต่อลูก ความโชคดีคือน้องมินยังเด็กมาก เด็กมากจนยังไม่รับรู้อะไรหรอกครับ แต่ถ้าสมมุติว่ามันยืดเยื้อไปเรื่อยๆ ผมรู้สึกว่า ถ้าเขารู้สึกอย่างที่เขาพูดจริงๆว่า มันต้องคิดถึงลูก มันต้องไม่เป็นแบบนี้ มันต้องไม่ใช่การใช้สื่อมาฟาดฟันกัน แล้วผมโดนด่าค่อนข้างหนักนะครับรอบนี้ ผม เฮ้ย อะไรวะ แต่มันก็ไม่ได้กระทบอะไรผมมากหรอก เพราะว่าเมื่อรอบที่แล้ว ผมโดนด่าหนักกว่านี้เยอะเลยครับ”

ขอขอบคุณภาพประกอบจาก numkala