เมื่อวันที่ 9 มิ.ย. นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ ให้สัมภาษณ์ว่า ขณะนี้ข้าวหอมมะลิทุ่งกุลาร้องไห้ ซึ่งเป็นสินค้าที่ได้รับการขึ้นทะเบียนสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (GI) สามารถเจ้าไปจำหน่ายในร้านค้าของสำนักงานองค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ที่กรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย ได้แล้ว โดยคาดว่าจะวางจำหน่ายได้ตั้งแต่ปลายไตรมาสที่ 2 หรือภายในเดือนมิ.ย.นี้

ทั้งนี้ทูตพาณิชย์ได้รายงานว่า การผลักดันการนำข้าวหอมมะลิทุ่งกุลาร้องไห้ ซึ่งเป็นสินค้า GI ของไทย ไปวางจำหน่ายในร้านค้าของยูเอ็น ณ กรุงเวียนนา ได้ดำเนินการมาต่อเนื่องกว่า 2 ปี โดยล่าสุดสามารถผลักดันการจับคู่และเจรจาธุรกิจจนเกิดผลสำเร็จได้รับคำสั่งซื้อจากคณะผู้แทนของยูเอ็น โดยคาดว่าจะมีการวางจำหน่ายสินค้าได้ตั้งแต่ปลายไตรมาสที่ 2 ของปีนี้เป็นต้นไป

“ความสำเร็จที่เกิดขึ้น เป็นไปตามยุทธศาสตร์เวียนนาโมเดล ที่มุ่งทวงคืนตลาดข้าวไทยและพัฒนาให้เป็นโครงการนำร่องในการส่งเสริมการค้าและการยกระดับภาพลักษณ์ข้าวหอมมะลิไทยในต่างประเทศ เพื่อจำหน่ายในฐานะสินค้าพรีเมียมที่อยู่เหนือการแข่งขันทางราคากับสินค้าคู่แข่ง เริ่มจากความสำเร็จจากการส่งออกข้าวหอมมะลิทุ่งกุลาร้องไห้ มายังสหภาพยุโรปเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่ออสเตรียเมื่อปี 65 และเมื่อสินค้าล็อตแรกมาถึง ผู้นำเข้าได้ทำการสั่งซื้อสินค้าล็อตต่อไปในทันที ที่ได้เปิดสัมผัสคุณภาพของสินค้าจริง เนื่องจากมั่นใจในกระแสตอบรับที่จะเกิดขึ้น”

นายภูมิธรรม กล่าวต่อว่า  ปัจจุบันสามารถผลักดันการส่งออกข้าวหอมมะลิไทยเข้าไปยังตลาดออสเตรียได้ครบทุกช่องทางการตลาด ได้แก่ 1.ร้านอาหาร Thai SELECT 2.ไฮเปอร์มาร์เก็ต 3.ซุปเปอร์มาเก็ต 4.Ethic market 5.ออนไลน์ มาร์เก็ต และล่าสุดที่กำลังจะมีการวางจำหน่ายสินค้าที่ 6.ร้านค้า Commissary ในองค์การสหประชาชาติ

ทั้งนี้มีการส่งออกไปยังออสเตรียแล้ว 15 ตู้คอนเทนเนอร์ ไม่รวมข้าวหอมมะลิทั่วไป และมีแนวโน้มขยายตัวได้อีก ถือเป็นความสำเร็จในการทวงคืนตลาดข้าวหอมมะลิไทยจากคู่แข่ง หลังจากที่ตลาดออสเตรียถูกแย่งชิงส่วนแบ่งตลาด จนปริมาณการนำเข้าข้าวไทยลดลงจนเกือบเหลือศูนย์ในช่วงก่อนหน้า โดยได้สั่งการให้กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ และทูตพาณิชย์ออสเตรีย เดินหน้าขยายตลาดข้าวหอมมะลิไทย และข้าวหอมมะลิทุ่งกุลาร้องไห้ของไทยต่อไป และทราบว่า น่าจะมีข่าวดี ในการขยายตลาดส่งออกข้าวหอมมะลิไทยไปยังตลาดใกล้เคียง คือ สโลวีเนียได้ในไตรมาสที่ 2 ของปีนี้ด้วย

นอกจากนี้ ยังได้มอบหมายให้กรมการค้าต่างประเทศ กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ และทูตพาณิชย์ที่ประจำอยู่ในประเทศต่าง ๆ ทำการขยายตลาดข้าวไทย และจัดกิจกรรมประชาสัมพันธ์ข้าวไทยอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ผู้ซื้อ ผู้นำเข้าเกิดความมั่นใจ และส่งเสริมให้ร้านอาหารที่ได้รับตราสัญลักษณ์ Thai SELECT ใช้ข้าวหอมมะลิไทยในร้านอาหาร เพื่อกระตุ้นการบริโภค และทำให้ชื่อเสียงข้าวหอมมะลิไทยเป็นที่รู้จักเพิ่มมากขึ้น ซึ่งจะส่งผลดีต่อการส่งออกข้าวไทยเพิ่มขึ้น.