นายชนม์นิธิศ ไชยสิงห์ทอง นักวิจัยจากกรุงไทย คอมพาส ได้เผยแพร่บทวิคราะห์ เรื่องอัตราเงินเฟ้อเดือน พ.ค.67 อยู่ที่ 1.54% เร่งตัวขึ้นจากราคาพลังงานและอาหารสด ว่า กรุงไทย คอมพาส ได้คาดการณ์สถานการณ์เงินเฟ้อในช่วงที่เหลือของปีนี้ยังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ตามทิศทางราคาอาหารสด ที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นและราคาพลังงานที่จะขยับตามการขยายเพดานราคาน้ำมันดีเซล ที่เชื่อว่าจะยืนที่ระดับลิตรละ 33 บาท ไปตลอดช่วงที่เหลือของปีนี้ เนื่องจากประเมินว่ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงต้องเก็บเงินชดเชยเข้ากองทุนฯ ที่ติดลบสูงถึง 1.1 แสนล้านบาท ขณะที่ราคาอาหารสด โดยเฉพาะผักและผลไม้ จะได้รับปัจจัยกดดันจากปัญหาด้านสภาพภูมิอากาศที่แปรปรวนส่งผลให้อุปทานในตลาดลดลง

“กรุงไทย คอมพาส ประเมินว่า อัตราเงินเฟ้อเฉลี่ยทั้งปี 67 จะอยู่ที่ระดับ 0.8% เพิ่มขึ้นตามต้นทุนราคาสินค้าเป็นสำคัญ โดยอัตราเงินเฟ้อในระยะข้างหน้ามีแนวโน้มสูงขึ้นต่อเนื่อง และคาดว่าจะถูกขับเคลื่อนจากเงินเฟ้อในหมวดอาหารสดและหมวดพลังงานเป็นหลัก ซึ่งเป็นสินค้าที่มีความผันผวนสูง สะท้อนถึงต้นทุนราคาสินค้าภายในประเทศที่อยู่ในระดับสูงขึ้น ขณะที่อัตราเงินเฟ้อหมวดพื้นฐาน ซึ่งไม่รวมอาหารสดและพลังงาน ยังมีแนวโน้มทรงตัวในระดับต่ำต่อเนื่อง โดยอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานเฉลี่ย 5 เดือนแรก ตั้งแต่เดือนม.ค.-พ.ค. ปี 67 เฉลี่ยอยู่ที่ 0.42% ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยก่อนเกิดโควิด-19 เมื่อปี 60-62 ที่ 0.6% บ่งชี้ว่ากำลังซื้อของผู้บริโภคยังอ่อนแอ ซึ่งอาจเป็นปัจจัยกดดันต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในปีนี้”

ทั้งนี้ล่าสุดกระทรวงพาณิชย์ได้ประกาศตัวเลขอัตราเงินเฟ้อทั่วไปเดือน พ.ค. อยู่ที่ 1.54% เมื่อเทียบกับปีก่อน ซึ่งถือว่า เป็นบวกติดต่อกันเป็นเดือนที่ 2 ด้วยผลของฐานที่ต่ำจากราคาพลังงาน ตามค่ากระแสไฟฟ้าและราคาน้ำมันกลุ่มเบนซิน และการเร่งตัวขึ้นของราคาอาหารสด จากราคาผัก ผลไม้ และไข่ไก่ เนื่องจากสภาพอากาศร้อนทำให้ปริมาณผลผลิตออกสู่ตลาดน้อยลง