ทีมชาติอังกฤษ ไม่เคยประสบความสำเร็จในฟุตบอลรายการใหญ่อีกเลยนับตั้งแต่คว้าแชมป์โลกมาครองได้เป็นสมัยแรก และสมัยเดียวในปี 1966

ส่วนในฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป “สิงโตคำราม” เกือบไปถึงฝั่งฝัน หลังอุตส่าห์ฝ่าฟันเข้าไปจนถึงรอบชิงชนะเลิศได้สำเร็จ แต่กลับพ่ายให้กับ อิตาลี ในการดวลจุดโทษอย่างน่าเสียดายทั้งที่ได้เล่นในสังเวียน เวมบลีย์ สเตเดียม

ขณะที่ในศึกยูโร 2024 น่าติดตามเหลือเกินว่า แกเรธ เซาธ์เกต จะพาพลพรรค “ทรี ไลออนส์” พุ่งชนความสำเร็จในภารกิจ “IT’S COMING HOME” หรือ การนำถ้วยแชมป์กลับบ้านได้หรือไม่

ผลงาน
ยูโร 2020: รอบชิงชนะเลิศ โดยแพ้ อิตาลี ในการดวลจุดโทษ 2-3 หลังเสมอกันใน 120 นาที 1-1
ฟุตบอลโลก 2022: รอบก่อนรองชนะเลิศ แพ้ ฝรั่งเศส 1-2

รอบคัดเลือก ยูโร 2024
อังกฤษ ยังคงทำผลงานในรอบคัดเลือกได้อย่างยอดเยี่ยม โดยพวกเขาคว้าตั๋วไปเล่นใน ยูโร 2024 รอบสุดท้าย ที่ประเทศเยอรมนี ในฐานะแชมป์กลุ่ม C ด้วยสถิติไร้พ่ายชนะ 6 เสมอ 2 เก็บไปถึง 20 คะแนนจาก 8 นัด แถมยังสามารถถอนแค้น อิตาลี แชมป์เก่า ได้ด้วยการคว้าชัยแบบไปกลับในการพบกันทั้ง 2 นัดอีกต่างหาก

ผู้จัดการทีม
แกเรธ เซาธ์เกต ขึ้นกุมบังเหียนทีมชาติอังกฤษมาตั้งแต่ปี 2016 และทำผลงานได้อย่างโดดเด่นด้วยการพาทีมผ่านเข้าสู่รอบรองชนะเลิศฟุตบอลโลก 2018 ได้สำเร็จ ก่อนจะพาทีมผ่านเข้าชิงดำศึกยูโร 2020 แต่ไปแพ้ อิตาลี ในการดวลจุดโทษอย่างน่าเสียดาย

อย่างไรก็ตามในศึกฟุตบอลโลก 2022 เซาธ์เกต พา “สิงโตคำราม” ทำผลงานได้อย่างน่าผิดหวัง หลังโดน ฝรั่งเศส เขี่ยตกรอบ 8 ทีมสุดท้าย ขณะที่ในศึกยูโร 2024 อังกฤษ ถูกยกให้เป็นหนึ่งในเต็งแชมป์ และหากพวกเขายังทำผลงานได้ไม่ดีอย่างที่แฟนบอลคาดหวังเอาไว้ กุนซือวัย 54 ปี ก็มีสิทธิจะกระเด็นตกเก้าอี้ได้เช่นกัน

นักเตะที่น่าจับตามอง
“จู๊ด เบลลิงแฮม”
จู๊ด เบลลิงแฮม ขึ้นชั้นเป็นนักเตะเวิลด์คลาสอย่างเต็มตัว หลังพา รีล มาดริด คว้าดับเบิลแชมป์ ลา ลีกา และ แชมเปี้ยนส์ ลีก มาครองได้สำเร็จ โดยกดไป 23 ประตูกับ 13 แอสซิสต์จากการลงสนาม 42 นัดรวมทุกรายการ

แม้จะมีวัยเพียง 20 ปี แต่ เบลลิงแฮม เล่นได้นิ่งเกินวัย โดยมีจุดเด่นอยู่ที่พละกำลังที่เหลือเฟือวิ่งได้ไม่มีหมดตลอด 90 นาที แถมยังออกบอลได้อย่างชาญฉลาด และสอดเข้าไปพังประตูในเขตโทษได้อย่างยอดเยี่ยมอีกต่างหาก

“บูคาโย ซากา”
บูคาโย ซากา ตกเป็นแพะรับบาป หลังยิงจุดโทษพลาดในช่วงดวลเป้าในรอบชิงดำ ยูโร 2020 ที่ อังกฤษ พลาดท่าพ่าย อิตาลี 2-3 หลังเสมอกัน 1-1 ใน 120 นาที

อย่างไรก็ตาม ความผิดหวังจากยูโรหนก่อนกลายเป็นแรงผลักดันที่ทำให้ ซากา พัฒนาฝีเท้าขึ้นมาจนกลายเป็นนักเตะที่เก่งขึ้นกว่าเดิม และเกือบพา อาร์เซนอล คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกมาครองได้สำเร็จในฤดูกาลนี้ โดยโดน แมนฯ ซิตี เฉือนไปแค่ 2 คะแนนเท่านั้น ขณะที่ตัวเขาโชว์ฟอร์มเด่นกดไป 20 ประตูกับ 14 แอสซิสต์จากการลงเล่น 47 นัดรวมทุกรายการ

โอกาสเข้ารอบ
อังกฤษ ถูกมองว่า เหนือกว่าเพื่อนร่วมกลุ่มอย่าง เดนมาร์ก, เซอร์เบีย และ สโลวีเนีย โดยมีโอกาสสูงที่จะผ่านเข้ารอบในฐานะแชมป์กลุ่ม แน่นอนว่า จากการผ่านเข้าถึงรอบชิงดำในยูโร 2020 และจากการมีขุมกำลังนักเตะที่แข็งแกร่งโดยเฉพาะในแนวรุก ก็ต้องถือเป็นเรื่องน่าผิดหวังหาก “สิงโตคำราม” ต้องเก็บของกลับบ้านก่อนถึงรอบตัดเชือกเป็นอย่างน้อย

โปรแกรมการแข่งขัน
วันที่ 16 มิถุนายน 2567 เซอร์เบีย พบ อังกฤษ เวลา 02.00 น.
วันที่ 20 มิถุนายน 2567 เดนมาร์ก พบ อังกฤษ เวลา 23.00 น.
วันที่ 26 มิถุนายน 2567 อังกฤษ พบ สโลวีเนีย เวลา 02.00 น.