จากกรณี พ่อของ น.ส. ซินเล่ย ลู่ วัย 27 ปี หญิงสาวชาวจีน ประสานตำรวจไทยขอให้ช่วยเหลือลูกสาว หลังมีคนร้ายโทรฯผ่านวีแชต อ้างว่าได้จับตัวลูกสาวเอาไว้ ก่อนเรียกค่าไถ่จะเป็นเงิน 5 ล้านหยวน หรือประมาณ 25 ล้านบาท ภายหลังตำรวจเจอตัว น.ส. ซินเล่ย กำลังเดินชอปปิงอยู่ในห้างสรรพสินค้าชื่อดังย่านบางนา จึงได้เชิญตัวมาให้การที่โรงพัก สน.พระโขนง ทั้งยังไปรับ นางซุน อายุ 50 ปี ผู้เป็นแม่ที่เดินทางมาจากประเทศจีนลงสนามบินสุวรรณภูมิ เพื่อสอบสวนข้อเท็จจริงทั้งหมด

พบ ‘สาวจีน’ พ่ออ้างถูกอุ้มเรียกค่าไถ่ เดินชอปปิงอยู่ห้างดังย่านบางนา

เกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อวันที่ 8 มิ.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงค่ำที่ผ่านมา ตำรวจทำการสอบปากแม่-ลูกชาวจีนนานกว่า 5 ชั่วโมง โดย พล.ต.ต.วิทวัฒน์ ชินคำ ผบก.น.5 เปิดเผยว่า ก่อนเกิดเหตุ น.ส.ซินเล่ย เดินทางไปเรียน ป.ตรี ป.โท และทำงานด้านอสังหาริมทรัพย์ในประเทศญี่ปุ่น ระหว่างนั้นถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์จากประเทศจีน อ้างว่าเป็น เจ้าหน้าที่ตำรวจและอัยการของจีน ส่งข้อความทางแอปฯ วีแชท ว่าพบทำธุรกรรมเกี่ยวกับการฟอกเงิน ระหว่างทำงานในประเทศญี่ปุ่น ต้องการที่จะตรวจสอบเงินในบัญชีของ นส.ซินเล่ยลู่ จากนั้นจึงออกอุบายให้โอนเงินทั้งหมด 17,000,000 เยน เพื่อตรวจสอบ ตอนนั้น นส.ซินเล่ยหลงเชื่อ โอนเงินให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์ดังกล่าว

จากนั้น แก๊งค์คอลเซ็นเตอร์ ยังได้สร้างกลุ่มแชทขึ้นมาใหม่เพื่อหลอกให้ นส.ซินเล่ย ดึงพ่อแม่ของเธอเข้ากลุ่มเพื่อจะหลอกเอาเงินต่อ มิจฉาชีพออกอุบายให้ น.ส. ซินเล่ย ออกจากกลุ่มแชท ก่อนแนะนำให้ออกนอกประเทศญี่ปุ่น ระหว่างมีการตรวจสอบธุรกรรมทางการเงิน มีการวางแผนให้เปลี่ยนที่พักอยู่บ่อยครั้ง รวมถึงเปลี่ยนเบอร์โทรศัพท์มือถือเพื่อตัดการติดต่อกับครอบครัวตัวเอง และรายงานตัวเป็นระยะกับกลุ่มมิจฉาชีพ มีการอ้างว่า น.ส.ซินเล่ย ต้องห้ามติดต่อกับพ่อแม่ระหว่างการตรวจสอบเด็ดขาด เพราะจะเกิดอันตรายได้

ขณะเดียวกัน แก๊งค์คอลเซ็นเตอร์ ก็ส่งข้อความไปหาพ่อแม่ หลอกว่าลูกสาวที่อยู่ประเทศไทยกำลังตกอยู่ในอันตราย เพราะโดนลักพาตัว หากอยากได้ตัวคืนให้โอนเงินมาให้จำนวน 5,000,000 หยวน หรือ เป็นเงินไทย 25 ล้านบาท ถึงจะตามลูกสาวส่งกลับจีนให้ ต่อมามีการต่อรองเหลือ 3 ล้านหยวน หรือประมาณ 15 ล้านบาท แต่ยังไม่ทันโอน พ่อของนส.ซินเล่ยลู่ ได้ประสานตำรวจไทยช่วยเหลือไว้ได้เสียก่อน โดย น.ส.ซินเล่ย ยืนยันว่าเรื่องที่เกิดขึ้นนั้นไม่ใช่กุขึ้นมาหลอกพ่อแม่ แต่แก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกเธอว่า อยู่ระหว่างตรวจสอบบัญชีการเงิน และไม่รู้ว่าพ่อแม่ถูกแก๊งดังกล่าว หลอกเรียกค่าไถ่ เพราะติดต่อกันไม่ได้

ด้าน นางซุน ผู้เป็นแม่หลังจากได้พบลูกสาววแล้ว ได้กล่าวขอบคุณตำรวจไทย ที่ทำงานได้อย่างรวดเร็ว ส่วนเรื่องความเสียหายที่เกิดขึ้นในประเทศญี่ปุ่น ต้องขอปรึกษาครอบครัวอีกครั้งว่า จะตัดสินใจดำเนินการอย่างไรต่อไป.