เมื่อพล.ต.ต.วีรชน บุญทวี รอง ผบช.ภาค 5 ร่วมกับ พ.ต.อ.ชัยเสถียร มณีจักร รอง ผบก.ภ.จว.แพร่, พ.ต.อ.มนัส เกิดสุโข ผกก.สส.ภ.จว.แพร่, พ.ต.อ.สวโรจน์ อินธนะวงษ์ชัย ผกก.สภ.หนองม่วงไข่ ร่วมกันแถลงผลการจับกุม นายสมาน อายุ 62 ปี ผู้ต้องหา ฆ่าน้องเมีย คือนายโชคชนะ อายุ 58 ปี จนเสียชีวิตแล้วนำศพมัดกระสอบไปทิ้งข้างทางห่างจากจุดเกิดเหตุกว่า 50 กิโลเมตร ตั้งแต่เมื่อวันที่ 27 พ.ค.ที่ผ่านมา กระทั่งมีคนพบศพในวันที่ 1 มิ.ย. ก่อนเจ้าเข้ามอบตัวตั้งแต่เมื่อช่วงกลางดึกคืนวันที่ 7 มิ.ย.ที่ผ่านมา เนื่องจากทนแรงกดดันจากเจ้าหน้าที่ไม่ไหว และจำนนด้วยหลักฐานที่ทางตำรวจรวบรวมมาได้ เบื้องต้น นายสมาน ยังให้การวกวน แต่จากพยาน หลักฐานและภาพจากกล้องวงจรปิดนั้นสอดคล้องกัน เจ้าหน้าที่จึงได้ทำการเก็บหลักฐานและพาผู้ต้องหาไปชี้จุดเกิดเหตุประกอบคำรับสารภาพทันที พร้อมตั้งข้อหา 2 ข้อหาคือ ทำร้ายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้เสียชีวิต และปิดบังอำพรางซ่อนเร้นศพ

พล.ต.ต.วีรชน แถลงว่า ที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ได้รวบรวมหลักฐานให้พร้อม ซึ่งในระหว่างนั้นหากสังเกตผู้ต้องหาพยายามเบี่ยงเบน ทำให้เจ้าหน้าที่สับสน เจ้าหน้าที่จึงต้องสืบพยานหลักฐานอื่นๆ เพิ่มเติม เบื้องต้นคำให้การของผู้ต้องหาไม่ตรงกับหลักฐานที่มี เพราะผู้ต้องหาให้การว่ากลับจากงานศพก็อยู่แต่ที่สวนไม่ได้ออกไปไหนซึ่งไม่ตรงกับกล้องวงจรปิด เนื่องจากมีการเข้าออกตลอดเวลา หลังจากทำร้ายผู้เสียชีวิตเสร็จได้กลับไปเอารถซาเล้งที่บ้าน ย้อนกลับมาขนศพไปทิ้ง คำสารภาพสอดคล้องกับวัตถุพยานที่มี ซึ่งเรามีหลักฐานพอที่จะออกหมายจับ และตัวผู้ต้องหาเองก็สำนึกผิดขอมอบตัวก่อน

พ.ต.อ.มนัส เกิดสุขโข ผกก.สส.ภ.จว.แพร่ เล่าว่า ก่อนเกิดเหตุ ผู้เสียชีวิตและผู้ต้องหา พบกันที่บ้านงานศพ โดยผู้ต้องหาออกจากงานไปก่อน และผู้เสียชีวิตตามออกไป ซึ่งบ้านของทั้ง 2 อยู่ติดกัน โดยผู้ต้องหาให้การสารภาพว่าขณะที่อยู่ในสวนนั้น ผู้เสียชีวิตมาหาที่สวน และใช้ไม้ตีก่อน ผู้ต้องหาจึงใช้จอบตีไปบริเวณกรามด้านซ้าย และต้นคอติดกัน จนเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ ซึ่งจอบได้ทำการเก็บดีเอ็นเอ ตรวจเพิ่มเติม พฤติการณ์คือ ผู้ต้องหาใช้กระสอบในสวนใส่อำพรางศพและนำศพใส่รถมอเตอร์ไซค์ซาเล้งพ่วงข้าง อำพราง และนำศพไปทิ้ง ระยะทางจากที่เกิดเหตุไปจุดที่พบศพห่างกันประมาณ 50 กิโลเมตร หลังนำศพไปทิ้งได้นำผ้าสแลนไปทิ้งบริเวณแม่น้ำยม ผู้ต้องหาอ้างว่าคนตายวิ่งเข้าไปหาลักษณะโกรธแค้นและด่าพ่อแม่เขา เขางงและผู้ตายถือไม้เข้าไปตีผู้ต้องหาจึงใช้จอบตีสวนกลับ เป็นคำให้การในเบื้องต้น

นายนันทิพัฒน์ ลูกชายผู้ตาย เผยว่า รู้สึกเสียใจที่ญาติเป็นคนทำ ตอนไปรับศพพ่อ ยังไปด้วยกันอยู่เลย มารับที่บ้านไปรับศพด้วยกัน จนตนไม่ได้ระแคะระคายอะไรเลยเพราะคิดว่าเป็นญาติ ซึ่งก่อนหน้านี้ก็รู้ว่ามีปัญหากันแต่ไม่คิดว่าจะถึงขนาดนี้ ฝากให้เจ้าหน้าที่ดำเนินคดีด้วยความเป็นธรรมและดำเนินคดีให้ถึงที่สุด

นางสมพร อดีตภรรยา เผยว่า หลังจากที่ทราบว่าลุงเป็นคนทำร้ายก็ตกใจ ไม่คาดคิดว่าแกจะเป็นคนทำมาก่อน คิดว่าสาเหตุอาจจะเกิดจากปัญหาทางธุรกิจมากกว่า ซึ่งหลังจากที่ทราบตัวคนที่ก่อเหตุตนเองรู้สึกสบายใจมากเพราะพ้นจากข้อกล่าวหา สำหรับเรื่องการกล่าวหาว่าตนเองและลูกชายเป็นคนทำนั้นตอนแรกก็โกรธ แต่มาคิดไตร่ตรองแล้วน้องเขาก็เด็กคงไปฟังหลายคนพูด ตอนนี้ก็ไม่ติดใจอะไรแล้ว ลุงหมานเองก็ไม่มีพิรุธอะไรเลย แกทำตัวปกติมาก แต่มีวันเผาศพ แกมากอดลูกชายแล้วพูดกับลูกและตนว่าหากพ่อไม่ตายพวกเอ็งไม่มีใครติดคุกหรอก

หลังเข้ามอบตัว ผู้สื่อข่าวพยายามสัมภาษณ์นายสมานฯ แต่ก็ไม่ยอมเปิดปากพูดอะไรเลย บอกว่าไม่มีอะไรจะพูดให้สัมภาษณ์