เมื่อวันที่ 8 มิ.ย. 67 พ.ต.อ.ธัขพล ส่องแสง ผกก.สภ.พุทไธสง จ.บุรีรัมย์ พร้อมด้วย ร.ต.อ.จำรัส สืบสำราญ รอง สว.(สอบสวน) นำกำลังตำรวจชุดสืบสวน นำตัวนายนิวัตน์ อายุ 32 ปี ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพที่กระท่อมนาท้ายหมู่บ้านหนองผง ต.พุทไธสง อ.พุทไธสง หลังก่อนเหตุทำร้าย นายวิรัตน์ อายุ 58 ปี พ่อแท้ๆของตัวเองเสียชีวิต เมื่อช่วงค่ำวันที่ 7 มิ.ย.ที่ผ่านมา โดยหลังก่อเหตุ สามารถจับกุมตัวไว้ได้ เบื้องต้นให้การรับสารภาพ จึงนำตัวมาทำแผนดังกล่า

จากคำให้การ นายนิวัตน์ เล่าว่า ตนเป็นคนไม่ดื่มเหล้า ส่วนผู้ตายซึ่งเป็นพ่อแท้ๆ มักจะดื่มเหล้าเป็นประจำทุกวัน ก็ไม่ได้สนใจอะไร กระทั่งระยะหลังๆมากินหนักขึ้นแถมยังชอบเลี้ยงเพื่อนๆ เอาข้าวของภายในบ้านไปขายเอาเงินไปซื้อเหล้าให้เพื่อนกิน คนในครอบครัวพยามพูดพยามเตือนก็พูดอะไรไม่ได้ ก่อนเกิดเหตุเวลาประมาณ 10.00 น.วานนี้(7 มิ.ย.) พ่อกับเพื่อนๆก็มากินเหล้าอีกอีกที่กระท่อมนา ตนพยายามห้ามเพราะพ่อไม่ค่อยสบายก็ไม่ฟัง เลยเกิดโต้เถียงกัน

นายนิวัตน์ ให้การอีกว่า ระหว่างโต้เถียงตนเกิดโมโหขาดสติคว้าไม้ไผ่ใกล้มือตีศีรษะไปหลายครั้ง ก่อนเอาหัวตัวเองโขกศีรษะพ่อประมาณ 3 ครั้ง จากนั้นด้ามกระจกรถจยย.แทงเข้าไปบริเวณขมับซ้ายพ่อ 1 ครั้ง แล้วเดินออกจากกระท่อมไป โดยปล่อยพ่อนอนซมอยู่กระท่อม ตกตอนเย็นๆมาดูเห็นอาการไม่ค่อยดี จึงเอาข้าวน้ำมาป้อนให้แล้วออกไปทำงานต่อ พอตอนค่ำกลับมาดูพบว่าพ่อเสียชีวิตแล้ว ยอมรับเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่รับไม่ได้ที่พ่อสนใจเพื่อนมากกว่าครอบครัว

นางบัวลี อายุ 60 ปี ภรรยาผู้ตาย แม่ผู้ก่อเหตุ เล่าว่า เหตุผลเดียวที่ลูกชายไม่พอใจพ่อคือชอบดื่มเหล้า ชอบพาเพื่อนมากินเหล้าเป็นประจำ และชอบเอาของภายในบ้านไปขายเอาเงินไปซื้อเหล้า ครั้งล่าสุดลูกชายขายไม้ยูคาลิปตัสที่ปลูกอยู่ริมคันนา บนที่นา 7 ไร่ ราคา 1,500 บาท ได้ พอคนรับซื้อเอารถกับเครื่องมือมาจะตัดปรากฎว่าไม้ยูคาลิปตัสถูกพ่อแอบตัดขายแล้ว เลยน่าจะเป็นฟางเส้นสุดท้ายที่ลูกชายก่อเหตุทำร้ายพ่อจนเสียชีวิตดังกล่าว

ทั้งนี้หลังทำแผนประกอบคำรับสารภาพ เจ้าหน้าที่แจ้งข้อกล่าวกา ทำร้ายบุพการีเป็นเหตุให้ถึงแก่ความตาย ก่อนส่งตัวดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป