นายเอกรัช ศรีอาระยันพงษ์ หัวหน้าสำนักงานผู้ว่าการ การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เปิดเผยว่า ในช่วงระหว่างวันที่ 5-8 มิ.ย. 67 นายอวิรุทธ์ ทองเนตร รองผู้ว่าการ รฟท. และคณะผู้แทน รฟท. ได้เดินทางเข้าร่วมประชุมกับรัฐวิสาหกิจรถไฟแห่งชาติลาว เพื่อเตรียมความพร้อมในการเปิดเดินขบวนรถระหว่างสถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์-เวียงจันทน์ (คำสะหวาด) ที่มีกำหนดเปิดให้บริการเป็นทางการในเดือน ก.ค. 67 ซึ่งจะเป็นการขยายความร่วมมือในการเชื่อมต่อการเดินทางของประชาชน และขนส่งสินค้าของประเทศไทย และสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) ตลอดจนยกระดับระบบโลจิสติกส์ของภูมิภาค โดยมีประเทศไทยเป็นศูนย์กลางตามนโยบาย IGNITE THAILAND ของรัฐบาล

นายเอกรัช กล่าวต่อว่า การประชุมหารือในครั้งนี้ มุ่งเน้นใน 4 ประเด็นหลัก ได้แก่ 1.แผนการเปิดเดินรถระหว่างสถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์-อุดรธานี-หนองคาย-เวียงจันทน์ (คำสะหวาด) รวมถึงแผนการทดลองเดินรถเสมือนจริง ซึ่งกำหนดไว้วันที่ 13-14 ก.ค. 67, 2.แผนพัฒนาตลาดด้านการท่องเที่ยว 3.แผนการโฆษณาและประชาสัมพันธ์ และ 4. การเพิ่มศักยภาพด้านการขนส่งสินค้าระหว่าง ไทย-ลาว-จีน โดยกำหนดให้มีการจัดตั้งคณะทำงานร่วม เพื่อหารือด้านการขนส่งสินค้าข้ามแดน/ผ่านแดนระหว่างประเทศ ซึ่ง รฟท. ได้ให้ความช่วยเหลือในการให้ความรู้ฝึกอบรมแก่เจ้าหน้าที่ของรัฐวิสาหกิจรถไฟแห่งชาติลาว ในด้านปฏิบัติการเดินรถมาโดยตลอด ทั้งด้านพนักงานขับรถ พนักงานสถานี และพนักงานขายตั๋ว

นายเอกรัช กล่าวอีกว่า ที่ผ่านมายังได้ร่วมมือกันทำการทดลอง และทดสอบการเดินขบวนรถไฟระหว่างสถานีอุดรธานี-สถานีหนองคาย-สถานีท่านาแล้ง-สถานีเวียงจันทน์ (คำสะหวาด) แล้วเสร็จไปเมื่อวันที่ 21 พ.ค. 67 โดยผลการทดสอบเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ไม่มีปัญหาอุปสรรคในการเดินรถใดๆ อย่างไรก็ตาม การเปิดเดินขบวนรถระหว่างสถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์-อุดรธานี-หนองคาย-เวียงจันทน์ (คำสะหวาด) ครั้งนี้ นับเป็นการขยายความร่วมมือครั้งสำคัญของทั้ง 2 ประเทศ จากปัจจุบันที่สามารถเปิดเดินรถถึงสถานีท่านาแล้ง (สปป.ลาว)

ซึ่งเมื่อสามารถให้บริการได้เต็มรูปแบบจนถึงสถานีเวียงจันทน์ (คำสะหวาด) จะก่อให้เกิดประโยชน์ทางด้านเศรษฐกิจ การค้า การท่องเที่ยวอย่างมหาศาล โดยสามารถรับส่งผู้โดยสารที่เดินทางโดยเครื่องบิน มาลงยังสนามบินอุดรธานี เพื่อเดินทางต่อเข้าไปนครหลวงเวียงจันทน์ได้ โดยไม่ต้องต่อรถโดยสารอื่น ซึ่งเป็นการยกระดับระบบโลจิสติกส์ของทั้งสองประเทศ สอดคล้องกับนโยบาย IGNITE THAILAND ของรัฐบาลที่ต้องการขับเคลื่อนให้ไทยเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยว และโลจิสติสก์ของภูมิภาคอีกด้วย.