ร้อนแรงหนักมากทีเดียวสำหรับเรื่องราวของ หนุ่ม กะลา นักร้องดังที่ควงแขน ทนายเดชา กิตติวิทยานันท์ ออกมาเปิดใจถึงเรื่องราวที่กำลังเป็นกระแสอยู่ในวันนี้ เกี่ยวกับปมเงินหาย 66 ล้านบาท ทำเอาหลายคนสนใจหนักมาก วันนี้ทีมข่าวเดลินิวส์ จะมาสรุปเรื่องราวม้วนเดียวจบ ถึงกระแสดราม่าสุดร้อนแรง ให้ผู้อ่านได้ติดตามกัน

หนุ่ม กะลา เผยว่า จริงๆ ผมไม่ได้อยากให้เป็นข่าว ที่ผ่านมาตั้งแต่เป็นข่าวเรื่องมือที่ 3 ก็ออกมาให้ข่าวแค่ครั้งเดียว ที่ไม่ออกมาพูดเพราะกลัวกระทบถึงลูก ครั้งนี้ก็ไม่คิดว่าจะพูด พอเห็นว่ามีข่าวเสียหายเยอะมากและไปไกลแล้ว จึงปรึกษาพี่เดชาให้คอยวิเคราะห์ จึงต้องออกมาพูด การที่ผมฟ้องต่อศาลเพื่อเคลียร์ปัญหายักยอกนั้น มันเป็นการคุยกันภายใน ไม่ใช่ใช้สื่อมากดดัน พอฝั่งนั้นพูดก็ถึงเวลาที่ผมต้องอธิบายว่าเกิดอะไรขึ้น ที่ผ่านมาไม่มีข้อสงสัยเกี่ยวกับการเงิน เพราะเราเป็นสามีภรรยากัน ผมจ่ายค่าไฟเองยังไม่เป็น เพราะมีหน้าที่ออกไปหาเงิน เคยพูดกับจูน ทำไมบ้านเราไม่มีเงิน 10 ล้านเสียที ทุกครั้งที่ไปแบงก์กัน ผมเป็นกรรมการต้องเป็นคนเซ็นเพื่อเบิกเงิน แต่ทำไมเงินออกไปทั้งที่ผมไม่ได้เซ็นเบิกอะไรเลย เริ่มสงสัยเรื่องเงินว่ามันหายไปไหน เพราะเงินที่ได้มามันไม่ตรงกับที่ใช้จ่าย ทุกอย่างกระจ่างที่ดูสเตตเมนต์ ตอนนี้ผมเป็นหนี้ 20 ล้าน ทั้งหนี้บ้าน หนี้รถ หนี้คอนโดฯ ทุกอย่างไม่เคยมีการดูแล มันเป็นหนี้เราหมดแล้ว พอเห็นสเตตเมนต์ก็มาพบพี่เดชา บอกพี่เดชาว่า ผมจะเอาเงิน 66 ล้านคืน ความจริงผมไม่อยากได้ แต่อยากให้เขาชี้แจงเงินว่าหายไปไหนเท่านั้น ต่อให้ผมได้ 100 ล้านบาท ก็ไม่เอาคืน แค่ขอจูนปิดหนี้ให้หน่อย แล้วขอเงินติดตัว 5 ล้าน แล้วจบกัน ผมได้เงินเดือนเดือนละ 4 หมื่นบาท ตอนแยกบ้านถึงได้เดือนละแสน

จริงๆ ปัญหานี้ทำให้ทะเลาะและเลิกรากันหรือไม่ ผมยอมรับผิดอย่างลูกผู้ชายที่ทำเรื่องนั้น จึงอยู่กันไม่ได้ พอแยกทางก็ต้องตกลงกันว่าจะเอายังไงต่อ แต่มันตกลงกันไม่ได้ เพราะเรื่องหนี้สิน มันไม่ยุติธรรมกับผม ทุกวันนี้ค่าใช้จ่ายต่างๆ ผมต้องรับผิดชอบอยู่ รวมค่าใช้จ่ายทั้ง 2 บ้าน ประมาณ 7-8 แสน ช่วงที่ผมอออกจากบ้าน ผมได้เงินเดือนแค่ 4 หมื่น แล้วไม่มีค่าใช้จ่ายอื่นเลย จึงอยากถามว่าเงินที่ผมหามาให้ 2 ปีที่ผ่านมาไปไหน ไม่รวมย้อนหลังไปหลายปีก่อน ปีที่แล้วเริ่มรับงานน้อย ได้ต่อปีประมาณ 20 กว่าล้านโดยประมาณครับ

ต่อมา หลังจาก หนุ่ม กะลา แจงไป สาวจูนอดีตภรรยา ก็ได้ออกมาเคลื่อนไหวผ่านโซเชียลส่วนตัว แจงลำดับค่าใช้จ่ายในบ้านแบบละเอียดผ่านเฟซบุ๊กว่า ขอใช้พื้นที่เล็กๆ ตรงนี้ชี้แจงรายละเอียดเบื้องต้นนะคะ เราเป็นคนรับเงินมาก็เอามาจ่ายค่าใช้จ่ายต่างๆ เช่น
ค่าใช้จ่ายในบ้าน ค่าผ่อนบ้าน 69,800 ค่าคอนโดฯ 15,500 เงินเดือนพ่อแม่ 52,500 เงินเดือนสามี 100,000 เงินเดือนคนขับ 15,000
ค่าผ่อนรถ Benz 38,880 ค่าผ่อนรถ Alphard 45,000 ค่าผ่อน Benz 23,500 Total fix cost ต่อเดือน 360,180

ค่าใช้จ่ายเรื่องงาน ค่า Stage ค่า Lighting ค่าช่างภาพ ค่า Broker เงินเดือนผู้จัดการ เงินเดือนคนตัดต่อ ค่าเช่าห้องเก็บเครื่องดนตรี
ค่าน้ำมันคนขับรถตู้อีก 2 คัน รวมแล้วดือนละ+-ประมาณ 300,000 ยังไม่รวมถึงค่าน้ำค่าไฟค่า ค่าเทอมลูก ค่ากินอาหาร ค่าเสื้อผ้า ค่าประกันชีวิต ค่าประกันรถ ค่าไปเที่ยวต่างประเทศ ไหนจะค่าบัตรเครดิตอีก ตามที่สามีพูดเลยค่ะ ว่ารายจ่ายต่อเดือนประมาณ 700,000 2 ยอดนี้บวกกัน ลองคูณต่อปีเอาก็แล้วกันนะคะว่ารายจ่ายจะเท่าไหร่ มีเอกสารหลักฐานตรวจสอบได้ทุกยอดค่ะ

ขอฝากไปถามก็แล้วกันนะคะ ว่าจะเอาเงินมาจากไหนถ้าไม่ใช่จากบริษัทที่เปิดร่วมกันกับสามี Statement ไม่โกหกตามที่สามีพูดเลยค่ะ statement บริษัทมี Statement ส่วนตัวก็มีค่ะ ชี้แจงได้ว่าโอนออกไปจ่ายอะไรบ้าง และในส่วนเงินเก็บก็ยังอยู่ค่ะ ไว้เราไปดูรายละเอียดกันที่ศาลนะคะ

คนเป็นเมียในฐานะคนทำบัญชี ดูแลบริษัท สั่งจ่ายไปเพื่อประโยชน์ของบริษัทและครอบครัว แบบนี้หรือ คือ ยักยอก ก็ทำแบบนี้มาตลอดนะคะเป็นเวลาหลายปี แล้วทำไมถึงมาฟ้องตอนนี้คะ จริงๆ เราก็อธิบายไปหลายรอบแล้วค่ะ แต่สามีอาจจะไม่เข้าใจ เดี๋ยวเตรียมหลักฐานเสร็จแล้วให้ศาลท่านช่วยดูก็แล้วกันนะคะว่ าแบบนี้เรียกยักยอกมั้ย ป.ล.คำนวณกลมๆ 600,000*12 เดือน=7,200,000*9 ปี= 64,800,000 มั้ยคะ

งานนี้หลังจากสาวจูนโพสต์ไป ก็มีชาวเน็ตมากดไลก์และมอบกำลังใจให้สองฝ่ายมากมายและขอให้เคลียร์หลังบ้าน อย่าออกสื่อคนไม่ได้โอเค เป็นต้น

ขอขอบคุณภาพประกอบจาก june penchu