เมื่อวันที่ 6 มิ.ย. ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลนัดฟังคำพิพากษาคดีฆ่าผู้อื่นหมายเลขดำ อ.949/2567 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 6 เป็นโจทก์ฟ้อง นายหรืออดีต ร.ต.ท.ณรงค์วัส ทะชาดา หรือ นัท อายุ26 ปี ชาวจ.นครปฐม อดีตรองสว.สอบสวน สน.หัวหมาก เป็นจำเลยในความผิดฐาน ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาและไตร่ตรองไว้ก่อน, พ.ร.บ.อาวุธปืน เครื่องกระสุนปืนฯ คดีนี้ มีญาติผู้ตายซึ่งเป็นผู้เสียหายขอเข้าเป็นโจทก์ร่วมในคดีรวม 3 คน

โดยอัยการโจทก์ระบุฟ้องความผิดจำเลยสรุปความว่า เมื่อวันที่ 29 ธ.ค. 66 เวลากลางคืน จำเลยได้ใช้อาวุธปืน ออโตเมติก ยี่ห้อกล็อค (GLOCK) ขนาด 9 มม. หมายเลขประจำปืน BPCM 975 ทะเบียน 03/6400069 ยิงนายกฤษฎิ์ ศรุวรานนท์ เสี่ยนักธุรกิจเจ้าของโรงงาน 7 นัดที่บริเวณศีรษะ และอวัยวะส่วนอื่นจนถึงแก่ความตาย แล้วหลบหนีไป ต่อมาพนักงานสอบสวน สน.วังทองหลางได้ขออนุมัติหมายจับจากศาลอาญา เลขที่ จ.4841/2566 ติดตามจับกุมจำเลยได้ที่ห้องพักรายวันแห่งหนึ่งย่านสีกัน เขตดอนเมือง กรุงเทพฯ ส่งตัวให้พนักงานสอบสวน สน.วังทองหลางดำเนินคดี เหตุเกิดบริเวณทางด่วนฉลองรัช(ลาดพร้าว ขาออก) แขวง-เขตวังทองหลาง กรุงเทพฯ

โจทก์จึงขอให้ศาลพิพากษาลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา33,91,288,289,371,376 ฯ ชั้นสอบสวนจำเลยให้การปฏิเสธ ต่อมาในชั้นพิจารณาของศาลจำเลยให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา อ้างว่า มีความขัดแย้งกับผู้ตายเรื่องหนี้สิน จากการทำธุรกิจร่วมกัน

วันนี้ เบิกตัวจำเลยที่ถูกคุมขังเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ มาศาล

จับแล้ว! ‘ร.ต.ท.ปืนโหด’ เผยเหตุลงมืออำมหิต หลอกจะช่วยเคลียร์หนี้-โยกย้ายตำแหน่ง

ศาลพิเคราะห์คำเบิกความ และพยานหลักฐานโจทก์ ประกอบคำรับสารภาพจำเลยแล้ว

พิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289 (4),371, 376 พ.ร.บ.อาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ.2490 มาตรา 8 ทวิ วรรคหนึ่ง, 72 ทวิ วรรคสอง

การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไป ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ฐานฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน และฐานยิงปืนซึ่งใช้ดินระเบิดโดยใช่เหตุในเมือง หมู่บ้านหรือที่ชุมนุมชน เป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษฐานฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน อันเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 ให้ประหารชีวิต ฐานพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับใบอนุญาตและไม่มีเหตุสมควร เป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษตามพ.ร.บ.อาวุธปืนฯ ซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุด จำคุก 2 ปี

จำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ประกอบมาตรา 53 (2) ฐานฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน คงจำคุกตลอดชีวิต ฐานพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมือง ฯ คงจำคุก 1 ปี เมื่อรวมโทษทุกกระทงแล้วให้จำคุกตลอดชีวิตสถานเดียว ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 (3) และให้จำเลยชำระเงินแก่โจทกก์ร่วมที่ 1 จำนวน 2,750,000 บาท ชำระเงินแก่โจทก์ร่วมที่ 2 จำนวน 4,600,000 บาท ชำระเงินแก่โจทก์ร่วมที่ 3 จำนวน 6,040,000 บาท รวมจำนวนทั้งสิ้น 13,390,000 บาท ริบอาวุธปืนพร้อมซองกระสุนปืนของกลาง.