เมื่อวันที่ 6 มิ.ย. ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก นายอำพล แก้วปาน ทนายความผู้รับมอบอำนาจ นายเฉลิม อยู่วิทยา นักธุรกิจชาวไทย เจ้าของธุรกิจกระทิงแดง และผู้ร่วมก่อตั้งเรดบูล เดินทางมา เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง บริษัท สืบจากข่าว จำกัด, นายอภิภู พัฒนจันท์, นายสุวิทย์ บุตรพริ้ง, นายวิโรจน์ สุขศรีไพศาลกิจ, พันตำรวจเอก หรือ นายวิรุตม์ ศิริสวัสดิบุตร เลขาธิการสถาบันเพื่อการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม(สป.ยธ.)เเละคอลัมนิสต์ตำรวจดังเป็นจำเลยที่ 1-5 ในความผิดฐานหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา เรียกค่าเสียหาย จำนวน 50 ล้านบาท

โดยคำฟ้องระบุพฤติการณ์สรุปว่า จำเลยที่ 1 เป็นนิติบุคคล มีจำเลยที่ 2-4 เป็นกรรมการ จำเลยที่ 1 ดำเนินการผลิตข้อมูลข่าวสารเผยแพร่ผ่านเว็บไซต์ สืบจากข่าว และแอปพลิเคชัน TIKTOK ชื่อ Suebjarkkhao ชื่อผู้ใช้งาน suebjarkkhao โดยมีจำเลยที่ 2-4 เป็นผู้กระทำการและดำเนินกิจกรรมต่างๆ แทนจำเลยที่ 1 และมีจำเลยที่ 5 เป็นคอลัมนิสต์ หรือผู้เขียนเรื่องประจำคอลัมน์ วิรุตม์ ศิริสวัสดิบุตร เมื่อวันที่ 7 เม.ย. เวลากลางวันและกลางคืนต่อเนื่องกัน จำเลยทั้งห้าได้บังอาจร่วมกันกระทำความผิดต่อกฎหมายอาญาต่อโจทก์ กล่าวคือ จำเลยทั้งห้าได้ร่วมกันใส่ความโจทก์ อันมีเนื้อหาที่เป็นการหมิ่นประมาท โดยมีการโฆษณาด้วยการบันทึกเสียงและภาพ และได้นำคลิปวีดีโอ หรือภาพยนตร์ หรือสิ่งบันทึกเสียงและภาพไปกระจายเสียงและภาพในแอปพลิเคชัน TIKTOK ชื่อ Suebjarkkhao ชื่อผู้ใช้งาน suebjarkkhao ทั้งที่จำเลยทั้งห้ารู้อยู่แล้วว่า ไม่เป็นความจริง

ทั้งนี้ถ้อยคำและข้อความดังกล่าวข้างต้นนั้นปราศจากมูลความจริงและเป็นความเท็จ ซึ่งมีลักษณะยืนยันข้อเท็จจริง อันทำให้บุคคลทั่วไปและสาธารณะชนที่รับฟังและรับชมเข้าใจผิดและเชื่อว่าโจทก์ได้จ่ายเงินจำนวน 300 ล้านบาท เพื่อวิ่งเต้นช่วยเหลือนายวรยุทธ อยู่วิทยา ในคดีอุบัติเหตุจราจรรถชน ระหว่าง นายวรยุทธ อยู่วิทยา กับ ด.ต.วิเชียร กลั่นประเสริฐ ให้พ้นความรับผิดตามกฎหมายบ้านเมือง ทั้งที่ความจริงแล้วโจทก์ไม่เคยกล่าวข้อความดังกล่าวกับผู้ใดและไม่เคยจ่ายเงินจำนวน 300 ล้านบาท เพื่อวิ่งเต้นช่วยเหลือนายวรยุทธ อยู่วิทยา อีกทั้งโจทก์ไม่ได้บิดเบือนข้อเท็จจริงในคดีของนายวรยุทธ อยู่วิทยา แต่อย่างใด

เจ้าของกระทิงแดงฟ้อง ‘พิธีกรดัง-ศานิตย์’ ให้ข่าวหมิ่นฯจ่าย 300 ล้านช่วย ‘บอส’

การกระทำของจำเลยทั้งห้าซึ่งเป็นองค์กรและผู้ประกอบวิชาชีพที่เกี่ยวข้องกับการสื่อสารมวลชนทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย ต้องเสื่อมเสียชื่อเสียงที่สร้างสมมา ถูกดูหมิ่น ถูกเกลียดชัง อันเป็นการหมิ่นประมาทโจทก์โดยการโฆษณาอย่างร้ายแรง นอกจากนี้แอปพลิเคชัน TIKTOK ชื่อ Suebjarkkhao เป็นของจำเลยที่ 1 มีผู้ติดตามมากกว่า 317,000 คน และมีผู้ถูกใจมากกว่า 6,400,000 คน ที่สำคัญแอปพลิเคชัน TIKTOK เป็นแพลตฟอร์ม Social Media ที่บุคคลทั่วไปและสาธารณะชนจากทั่วทุกมุมโลกสามารถเข้าถึงได้เป็นปกติเช่นเดียวกับโจทก์ ดังนั้น การกระทำของจำเลยทั้งห้าจึงทำให้โจทก์ได้รับความเสียหายอย่างร้ายแรงไปทั่วราชอาณาจักรและทั่วโลก

การกระทำของจำเลยทั้งห้าเป็นความผิดฐานหมิ่นประมาทโดยการโฆษณามูลเหตุตามคำฟ้องคดีนี้มีการกระจายเสียงและภาพในแอปพลิเคชัน TIKTOK ที่บุคคลทั่วไปและสาธารณะชนจากทั่วทุกมุมโลกสามารถเข้าถึงได้เป็นปกติ เหตุจึงเกิดขึ้นที่แขวงจอมพล เขตจตุจักร กรุงเทพฯ และจังหวัดอื่นๆ ทั่วราชอาณาจักรไทย คดีจึงอยู่ในเขตอำนาจของศาลนี้

การกระทำของจำเลยทั้งห้า นอกจากเป็นความผิดฐานหมิ่นประมาทโจทก์โดยการโฆษณาแล้ว ยังเป็นการจงใจกล่าวหรือไขข่าวให้แพร่หลายซึ่งข้อความอันฝ่าฝืนต่อความเป็นจริง ซึ่งเป็นการละเมิดต่อโจทก์ ทำให้โจทก์ซึ่งเป็นนักธุรกิจที่มีชื่อเสียงทั้งระดับประเทศและระดับโลกต้องเสียหายแก่ชื่อเสียงและเกียรติคุณ และยังทำให้คู่ค้า ลูกค้า และบุคคลทั่วไปทั้งในประเทศและต่างประเทศต่อต้านไม่สนับสนุนและไม่ซื้อสินค้าในกลุ่มธุรกิจบริษัท สยาม ไวเนอรี่ เทรดดิ้งพลัส จำกัด และ Red Bull ของโจทก์ ซึ่งเป็นการเสียหายแก่ทางทำมาหาได้และทางเจริญของโจทก์เป็นอย่างยิ่ง

จึงขอให้จำเลยทั้งห้ารับผิดชอบดังนี้
1.จำเลยทั้งห้าต้องร่วมกันโฆษณาหรือประกาศคำพิพากษาของศาล และคำขออภัยโจทก์ลงในเว็บไซต์ สืบจากข่าว และในแอปพลิเคชัน TIKTOK ชื่อ Suebjarkkhao ชื่อผู้ใช้งาน suebjarkkhao เป็นเวลา 7 วัน ติดต่อกัน โดยให้จำเลยทั้งห้าร่วมกันหรือแทนกันเป็นผู้ดำเนินการออกค่าใช้จ่ายทั้งสิ้น
2.จำเลยทั้งห้าต้องร่วมกันโฆษณาหรือประกาศคำพิพากษาของศาล และคำขออภัยโจทก์ลงในหนังสือพิมไทยรัฐ, เดลินิวส์, มติชน, ผู้จัดการรายวัน ด้วยเนื้อที่เต็มของหน้าหนังสือพิมพ์ เป็นเวลา 7 วันติดต่อกัน โดยให้จำเลยทั้งห้าร่วมกันหรือแทนกันเป็นผู้ดำเนินการออกค่าใช้จ่ายทั้งสิ้น
3.จำเลยทั้งห้าต้องร่วมกันหรือแทนกันลบข้อความและคลิปวีดีโอ หรือภาพยนตร์ หรือสิ่งบันทึก เสียงและภาพดังกล่าวออกจากแอปพลิเคชัน TIKTOK ชื่อ Suebjarkkhao ชื่อผู้ใช้งาน suebjarkkhao ทันที
4.จำเลยทั้งห้าต้องร่วมกันหรือแทนกันชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่โจทก์เป็นเงินจำนวน 100 ล้านบาท แต่โจทก์ขอคิดเพียงจำนวน 50 ล้านบาท ซึ่งโจทก์ขอถือเป็นทุนทรัพย์ในคดีนี้ และโจทก์ขอคิดดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 5 ต่อปี ของต้นเงินนับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจำเลยทั้งห้าจะร่วมกันหรือแทนกันชำระหนี้ให้แก่โจทก์เสร็จสิ้น

โดยภายหลังยื่นฟ้องศาลรับไว้ เป็นคดีหมายเลขดำที่1741/2567 นัดไต่สวนมูลฟ้องวันที่ 9 ก.ย. 2567 เวลา 13.30 น.