หลังจาก “อัซซูรี” อิตาลี” ต้องผิดหวัง และชวดไปเล่นฟุตบอลโลก 2022 พวกเขามีการเปลี่ยนแปลงกุนซือ ระหว่างลุยรอบคัดเลือกยูโร2024

โดยแต่งตั้ง “ลูชาโน สปัลเลตติ” เข้ามารับตำแหน่งแทน “โรแบร์โต มันชินี” ผู้พาทัพอัซซูรีเถลิงแชมป์ ยุโรปครั้งล่าสุด

ขุมกำลังของทีมชาติอิตาลีชุดนี้ยังคงอุดมไปด้วยนักเตะมากประสบการณ์ชุดแชมป์ยุโรปครั้งที่แล้ว ผสมผสานกับนักเตะดาวรุ่งหน้าใหม่

ถือเป็นอีกชุดที่น่าสนใจ และอาจจะสร้างเซอร์ไพร้ส์ได้อีกครั้ง

ผลงาน
ยูโร 2020 : ชนะเลิศ ดวลจุดโทษเอาชนะทีมชาติอังกฤษ 3 – 2 (หลังจากเสมอในเวลา 1 – 1)

รอบคัดเลือกยูโร 2024
อิตาลี ชนะ 4 เสมอ 2 และ แพ้ 2 นัด ในรอบคัดเลือก เพียงพอที่จะผ่านเข้าสู่รอบสุดท้าย และพวกเขายัวยิงประตูได้ถึง 9 จาก 10 นัดที่ลงแข่งขันในรอบคัดเลือกด้วย ถือเป็นจุดเด่นอีกอย่างที่เพิ่มเข้ามา

Luciano Spalletti

ผู้จัดการทีม
“ลูชาโน สปัลเลตติ กุนซืออิตาเลียนมากประสบการณ์วัย 65 ปี

สปัลเลตติ คร่ำหวอดในวงการฟุตบอลอิตาลีมาอย่างยาวนาน ผลงานโดดเด่นล่าสุดก่อนมารับงานคุมทัพอิตาลี คือการพาสโมสรนาโปลี ทีมดังจากศึกกัลโชเซเรีย อา คว้าแชมป์สคูเดตโตได้สำเร็จ หลังจากที่รอคอยมานานกว่า 33 ปี

หลังจากนั้น สปัลเลตติ เริ่มต้นการเดินทางครั้งใหม่กับการคุมทีมชาติอิตาลี ในช่วงเดือนกันยายน 2023 ซึ่งตอนนั้น อิตาลี กำลังขับเคี่ยวแย่งโควตาลุยฟุตบอลยูโร 2024 อย่างเข้มข้น

และกุนซือจอมเก๋าก็ไม่ทำให้แฟนๆ ต้องผิดหวัง พาทัพอัซซูรีคว้าตั๋วบุกเมืองเบียร์ได้สำเร็จ

ระบบการเล่นของอิตาลี ในยุค สปัลเลตติ คือ 4-3-3 ซึ่งทำให้เขาประสบความสำเร็จกับนาโปลี และเขาก็นำมาประยุกต์วางหมากให้ทัพอัซซูรีได้อย่างลงตัว

แต่สิ่งที่เพิ่มเติม คือการใส่ความยืดหยุ่นในรูปแบบการเล่น โดยนำระบบ3-4-2-1 มาสลับใช้เมื่อต้องการเกมรุกจากริมเส้นมากขึ้น

Nicolo Barella

นักเตะน่าจับตามอง
“นิโคโล บาเรลลา”
ติดทีมชาติชุดใหญ่ : 53 นัด (2020 – ปัจจุบัน)
บาเรลลา ในวัย 25 กะรัต ประสบความสำเร็จมากมายในการเล่นให้ทีมชาติและสโมสรอินเตอร์ มิลาน เจ้าตัวถือเป็นผู้เล่นแดนกลางคนส าคัญที่พาทีมชาติอิตาลี คว้าแชมป์ ยูโร 2020

กาลเวลาผ่านไป กองกลางรายนี้แข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น กลายเป็นมิดฟิลด์ตัวกลางระดับท็อปที่มีความคล่องแคล่ว ทะลุทะลวง อีกทั้งยังมีความสามารถในการส่งบอลเข้าพื้นที่สุดท้าย

เป็นจิ๊กซอว์ชิ้นสำคัญที่ขับเคลื่อนแดนกลางให้ต้นสังกัดอย่าง อินเตอร์ มิลาน อย่างแท้จริง และแน่นอนว่า ถ้าหากเขาเล่นได้ดี อิตาลี ก็จะมีโอกาสที่เยอรมนี

Federico Dimarco

“เฟเดริโก ดิมาร์โก
ติดทีมชาติชุดใหญ่ : 17 นัด (2022 – ปัจจุบัน)
แบ๊กซ้ายเลือดมิลาน วัย 26 ปี เป็นหนึ่งในผู้เล่นที่โชว์ฟอร์มได้โดดเด่นที่สุดในเวทีกัลโช เซเรีย อา ฤดูกาลนี้

เขาสามารถสร้างความแตกต่างให้กับทีมจากการเล่นเกมรุกที่ดุดัน และสามารถสร้างสรรค์จังหวะการเข้าทำในพื้นที่สุดท้ายได้อย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะความอันตรายจากการเปิดบอลริมเส้น

ผลงานดังกล่าวทำให้ ดิมาร์โก ยึดตำแหน่งตัวจริง อินเตอร์ มิลาน และ ทีมชาติอิตาลีอย่างต่อเนื่องในยุคของ ลูชาโน สปัลเลตติ

นอกจาก 2 ขุนพลเอกจาก อินเตอร์ แล้ว อิตาลี ชุดนี้ ยังมีตัวเด่นอีกหลายคน ที่พร้อมเปลี่ยนเกมได้เสมอ อาทิ ตัวเก๋าอย่าง จอร์จินโญ มิดฟิลด์ตัวเก่า จากชุดแชมป์เมื่อ 3 ปีที่แล้ว รวมถึงนักเตะชั้นยอดอย่าง

จานลุยจิ ดอนนารุมมา, อเลสซานโดร บาสโตนี, มานูเอล โลคาเตลลี, เฟเดริโก เคียซา, โจวานนี ดิ ลอเรนโซ , จาโคโม ราสปาดอรี และ มัตเตโอ ดาร์เมียน ต่างอยู่ในทีมชุดนี้ทั้งหมด

โอกาสเข้ารอบ
ถึงแม้จะเป็นแชมป์ เก่า แต่ต้องยอมรับว่าการชวดโควตาฟุตบอลโลก 2022 ที่ผ่านมา ทำให้ขุนพลอัซซูรียุคใหม่เสียรังวัดไปพอสมควร แต่ถ้าเทียบจากประสบการณ์ของพวกเขา ก็ถือว่าไม่เป็นรองใครในกลุ่ม

เชื่อว่าอย่างน้อย อิตาลี น่าจะยังพอประคองตัวผ่านเข้ารอบต่อไปได้ เพราะเกมแรกเจอทีมที่อ่อนที่สุดในกลุ่มอย่าง แอลเบเนีย ซึ่งถ้าหากทำได้ดี อาจจะมีกำลังใจ และฮึกเหิมในเกมต่อไปกับ สเปน และโครเอเชีย

อิตาลี คือทีมที่คาดเดายาก แต่ละเกม แต่ละทัวร์นาเมนต์ ผลงานของพวกเขาออกได้ทุกหน้า จึงมีความเป็นไปได้ทั้งคว้าแชมป์ เข้ารอบลึก หรือกระทั่งตกรอบเร็ว

ทั้งหมดอยู่ที่หน้างานอย่างแท้จริง

โปรแกรมการแข่งขัน
เสาร์ที่ 15 มิถุนายน เวลา 03.00 น. : ทีมชาติแอลเบเนีย
พฤหัสบดีที่ 20 มิถุนายน เวลา 03.00 น. : ทีมชาติสเปน
จันทร์ที่ 24 มิถุนายน เวลา 03.00 น. : ทีมชาติโครเอเชีย