เมื่อวันที่ 6 มิ.ย. ที่มูลนิธิรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม ถนนแจ้งวัฒนะ ต.บางตลาด อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี น.ส.จตุพร ขาวขำ อายุ 36 ปี นำเอกสารหลักฐานเดินทางเข้าร้องเรียนกับ นายรภัสสิทธิ์ ภัทรสิริชัยสิน รองประธานมูลนิธิ เพื่อให้ช่วยเหลือติดตามคดี หลังจากถูกกิ่งต้นไม้ใหญ่ที่ปลูกอยู่ริมถนนบริเวณซอยลาซาล 57 แขวงบางนาใต้ เขตบางนา กทม. หักร่วงตกใส่ศีรษะจนต้องเย็บแผล 40 เข็ม และต้องพักรักษาตัวอีกกว่า 1 สัปดาห์ จากที่เคยทำงานในโรงงานได้ ก็ไม่สามารถทำงานได้อีก เพราะจะมีอาการปวดศีรษะมึนหัวอยู่บ่อยครั้ง จนต้องลาออกจากงาน สามีที่หาเลี้ยงดูแล ไปติดต่อขอให้ทางฝ่ายงานรับผิดชอบช่วยเหลือเยียวยา แต่สุดท้ายกลับถูกบ่ายเบี่ยง

ทั้งนี้ สืบเนื่องจากเมื่อเย็นวันที่ 27 ม.ค. 66 น.ส.จตุพร พร้อมสามี กำลังเดินทางกลับบ้านหลังเลิกงาน จนมาถึงจุดเกิดเหตุบริเวณซอยลาซาล 57 แขวงบางนาใต้ เขตบางนา กทม. มีกิ่งไม้ขนาดใหญ่ตกลงมาใส่ศีรษะของ น.ส.จตุพร อย่างแรง ทำให้ศีรษะแตก แพทย์เร่งนำตัวส่ง รพ. รักษาอาการ และถูกเย็บแผลที่ศีรษะกว่า 40 เข็ม มีอาการข้างเคียงหลายอย่างจนต้องนอนรักษาตัวเพื่อดูอาการ ค่าใช้จ่ายรักษาพยาบาลรวมกันกว่า 40,000 บาท เมื่อสามีเดินทางไปเจรจาให้ฝ่ายงานรับผิดชอบช่วยเยียวยา ปรากฏว่า อีกฝ่ายจะให้เงินเพียง 5,000 บาท พร้อมเสนอไม่ให้มีการแจ้งความหรือเรียกร้องสิ่งใดอีก ซึ่งฝ่าย น.ส.จตุพร มองว่าไม่คุ้มกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะนอกจากจะเสียค่ารักษาพยาบาลแล้ว ยังไม่สามารถไปทำงานได้ และต้องลาออกจากงานที่ทำด้วย ฝ่ายเจ้าหน้าที่แจ้งว่า หากทำคำร้องยื่นขอเงินเยียวยา ก็ต้องใช้เวลาค่อนข้างนาน ทำให้ฝ่าย น.ส.จตุพร ยื่นคำร้องขอเยียวยา เพราะคิดว่าจะได้เงินในปีนั้น แต่จนกระทั่งเวลานี้ผ่านมาแล้วกว่า 1 ปีกว่า เรื่องยังคงเงียบ ไม่มีการช่วยเหลือจากฝ่ายงานรับผิดชอบ

ต่อมา น.ส.จตุพร ได้ไปพูดคุยกับหน่วยงานดังกล่าวอีกครั้ง โดยครั้งนี้เจ้าหน้าที่กลับบอกว่าไม่สามารถช่วยเหลืออะไรได้ เพราะจากการตรวจสอบกล้องวงจรปิดพบว่า ก่อนเกิดเหตุประมาณครึ่งชั่วโมง มีรถบรรทุกคันใหญ่ ขับเข้ามาเฉี่ยวชนต้นไม้ อาจส่งผลให้ตัวกิ่งของต้นไม้นั้นเกิดความเสียหาย ก่อนจะหักลงมาตกใส่ศีรษะของ น.ส.จตุพร ทำให้เป็นเหตุสุดวิสัยและไม่ใช่ความผิดของทางหน่วยงาน อีกทั้งทางหน่วยงาน ยังได้มีการชี้แจงว่าไม่สามารถติดตามจับผู้ขับรถบรรทุกรายดังกล่าวได้ เนื่องจากภาพจากกล้องวงจรปิดปรากฏภาพรถคันดังกล่าว ไม่มีการติดแผ่นป้ายทะเบียน

ด้านนายรภัสสิทธิ์ กล่าวว่า แม้เรื่องนี้ผ่านมานานกว่า 1 ปี แต่ผู้เสียหายยังรอการช่วยเหลือเยียวยาจากหน่วยงานที่รับผิดชอบ กลับปรากฏว่าโดนปฏิเสธอ้างเหตุสุดวิสัย ต้องมาร้องเรียนให้ทางมูลนิธิช่วยเหลือเรียกร้องความเป็นธรรม เรื่องนี้ทาง กทม. จะปัดความรับผิดชอบไม่ได้ หากเรื่องเกิดจากมีรถมาเฉี่ยวชนต้นไม้จริง ก็ต้องนำภาพวงจรปิดดังกล่าวมาเปิดเผยให้ผู้เสียหายดู ไม่ใช่จะเอาเหตุผลแค่นี้มาปัดความรับผิดชอบ เคสแบบนี้เคยเกิดมาแล้ว และศาลปกครองสูงสุดเคยมีคำสั่งให้กรุงเทพมหานครต้องเยียวยาผู้เสียหาย โดยในวันพรุ่งนี้ (7 มิ.ย. 67) ตนจะพาผู้เสียหายไปร้องเรียนกับ นายชัชชาติ สิทธิ์พันธุ์ ผู้ว่าการกรุงเทพมหานคร ที่ศาลาว่าการ กทม. ต่อไป.