เมื่อวันที่ 6 มิ.ย. 67 แหล่งข่าวจากกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยความคืบหน้าการประชุมศูนย์บริหารภาวะฉุกเฉินจากการประกอบการที่อยู่ในความรับผิดชอบของกระทรวงอุตสาหกรรมว่า ได้ติดติดความคืบหน้าการจัดการกากอุตสาหกรรม ของบริษัท วิน โพรเสส จำกัด ที่เกิดเหตุเพลิงไหม้ ที่ ต.บางบุตร อ.บ้านค่าย จ.ระยอง ว่า ต้องเร่งบริหารจัดการกากที่อยู่ในที่เกิดเหตุประมาณ 34,000 ตัน อย่างไร เพื่อไม่ให้กระทบกับชาวบ้าน เบื้องต้นค่าบริหารจำกัดกาก อยู่ที่ตันละ 10,000 บาท รวมแล้ว 340 ล้านบาท หากรวมกับค่าบริหารจัดการ และวิเคราะห์จะต้องใช้งบประมาณ 390 ล้านบาท ซึ่งงบประมาณในส่วนนี้ จะต้องให้กระทรวงอุตสาหกรรม ของบประมาณกลางเข้ามาบริหารจัดการก่อน หลังจากนั้นจะต้องไปฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายกับผู้บริหารบริษัท วินฯ ต่อไป

นอกจากนี้ ได้ติดตามความคืบหน้าการจัดการขนย้ายกากอุตสาหกรรม (สารเคมี) ในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ทั้งในโกดังเก็บสารเคมี อ.ภาชี, บริษัท เอกอุทัย สาขา อ.เอกอุทัย รวมทั้งในพื้นที่อื่นๆ ของ จ.พระนครศรีอยุธยา เบื้องต้นคาดว่า จะต้องของบกลาง ประมาณ 180 ล้านบาท เพื่อเข้ามาบริหารจัดการ เมื่อจัดการเสร็จทั้งหมดแล้ว จะมีการฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายบริษัทให้ชดเชยต่อไป

“ตอนนี้เรารอให้ทางบริษัทฯ เข้ามาบริหารจัดการไม่ได้แล้ว จึงต้องของบกลางเข้ามาบริหารจัดการก่อน เพื่อไม่ให้ประชาชนในพื้นที่ได้รับผลกระทบมากไปกว่านี้ หลังจากนั้น จึงไปฟ้องเรียกค่าเสียหายกับทุกบริษัทที่เกี่ยวข้องต่อไป และเพื่อเป็นการแก้ไขปัญหาเร่งด่วน เบื้องต้นกระทรวงอุตสาหกรรม ได้ขอความอนุเคราะห์จากโรงงานต่าง ๆ ที่มีศักยภาพในการกำจัดบำบัดกากเคมี ในบริเวณพื้นที่วินโพรเสส เข้ามาช่วยจัดการกับกากอะลูมิเนียมดรอส และการใช้แคลเซียมคาร์บอเนต หรือแคลเซียมไฮดรอกไซด์ ในการลดค่าความเป็นกรดของน้ำในบ่อ รวมถึงได้ประสานกับ อบจ.ระยอง ในการขยายความสามารถและความแข็งแรงของบ่อกักเก็บน้ำ เพื่อรองรับมวลน้ำในช่วงฤดูฝน ตลอดจนได้ประสานนิคมอุตสาหกรรมในพื้นที่จังหวัดระยอง และใกล้เคียง เพื่อช่วยนำน้ำในบ่อที่มีค่าความเป็นกรดไปบำบัดก่อนเป็นอันดับแรก”