เมื่อวันที่ 6 มิ.ย. เจ้าหน้าที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าป่าบุณฑริก-ยอดมน ซึ่งมีเขตรอยต่ออำเภอบุณฑริก เชื่อมต่อถึงเขตอำเภอนาจะหลวย จ.อุบลราชธานี ซึ่งช่วงนี้มีเห็ดป่า พืชผักของป่าเช่นผักหนาม ต้นบุก ผักหวาน เป็นต้นกำลังเริ่มออกมาก ชาวบ้านจะพากันเดินทางเข้าป่ากันเป็นหมู่เพื่อเก็บของป่า ออกมาส่งขายตลาดและเป็นอาหารในครอบครัว ซึ่งบริเวณนี้จะมีโขลงช้างป่าอาศัยอยู่ซึ่งจะเคลื่อนย้ายเดินหากิน กลับไปมาจากป่าห้วยทรายใหญ่ เขตบ้านป่าไม้ ผ่านป่าทางขึ้นช่องตาอูเขตบ้านหนองแสง ต.โพนงาม อ.บุณฑริก ผ่านเข้าเขตรอยต่อ อ.นาจะหลวย ซึ่งอยู่แนว ชายแดนไทย-ลาว อ.บุณฑริก จ.อุบลราชธานี กับเมืองสุขุมา แขวงจำปาสัก สปป.ลาว โดยช้างป่าที่หากินอยู่บริเวณนี้มีประมาณ 35 – 40 ตัว

นางสำราญ สัทนา ชาวบ้านบ้านหนองแสง ต.โพนงาม อ.บุณฑริก แม่ค้าขายเห็ดบอกว่า ตนกับสามีเข้าป่าเก็บเห็ดบริเวณป่าทางขึ้นช่องตาอู หลังออกจากป่าเเห็นช้างแม่ลูกอ่อน เดินอยู่ถนน จึงส่งเสียงช้างป่าก็หนีเข้าป่าไป และในวันต่อมาสามีไปเก็บเห็ดเจอช้างป่า 1 ตัวเพศผู้ ได้ไล่สามีต้องวิ่งหนีเอาชีวิตรอด

นายวีระยุทธ สิงหะชัย หัวหน้าหน่วยพิทักษ์ป่าช่องตาอู เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าบุณฑริก-ยอดมน ซึ่งยังต้องใช้อุปกรณ์พยุงแขนขวา จากการได้รับบาดเจ็บเอ็นไหล่ขวาขาดเนื่องจากช้างป่าไล่ สะดุดล้ม กล่าวว่าจากการสำรวจคร่าวๆช้างป่าในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าบุณฑริก-ยอดมน มีช้างป่าอยู่ 35-40 ตัว โดยอยู่กันเป็นกลุ่มๆกลุ่มละ6 ตัว บางกลุ่ม 10-13 ตัว ช้างที่เป็นนหนุ่มจะแยกออกจากโขลง ช้างป่ากลุ่มนี้ช่วงค่ำๆจะออกเดินหากิน ฝากเตือนให้ประชาชนระวังอย่าเข้าใกล้ โดยบอกว่ามีช้างเพศผู้ ที่แยกจากโขลงออกมาก 1 ตัวมีนิสัยดื้อซึ่งตนก็โดนช้างตัวนี้ไล่มาแล้ว เมื่อวันจันทร์ที่ 3 มิ.ย.ที่ผ่านมา

นายวีระยุทธ เล่าว่า ช้างป่าตัวดังกล่าวได้เข้าไปถึงที่ทำการหน่วยจะเข้ารื้อทำลายสิ่งของในหน่วย เจ้าหน้าที่ได้ทำการผลักดัน แต่ช้างตัวดังกล่าวได้หันกลับมาไล่เจ้าหน้าที่ ต้องพากันวิ่งหนีเอาตัวรอด ตนเองสะดุดล้มจนได้รับบาดเจ็บ สำหรับสถานการณ์ช้างป่าในปัจจุบัน มีช้างที่เป็นช้างแม่ลูกอ่อน 4 ตัว ซึ่งลูกมีขนาดสูงประมาณเท่าเอว จากที่ภาพถ่ายที่กล้องดักถ่ายสัตว์ถ่ายไว้ได้ ซึ่งช้างแม่ลูกอ่อนจะรวมตัวกันอยู่เป็นฝูงประมาณ 10-13 ตัว.