สำนักข่าวเอเอฟพี รายงานจากกรุงวอชิงตัน สหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 5 มิ.ย. ว่า ไบเดนลงนามในคำสั่งฝ่ายบริหาร ซึ่งมีผลบังคับใช้ในเวลาเที่ยงคืนที่ผ่านมา ตามเวลาท้องถิ่นของสหรัฐ เพื่อควบคุมพรมแดนทางใต้ ติดกับเม็กซิโก หลังผู้อพยพข้ามพรมแดนอย่างผิดกฎหมายจำนวนมากเป็นประวัติการณ์ ทำให้เกิดความกังวลในกลุ่มผู้มีสิทธิเลือกตั้งชาวอเมริกัน
“ผมมาที่นี่ในวันนี้ เพื่อทำสิ่งที่พรรครีพับลิกันในสภาคองเกรสปฏิเสธที่จะทำ นั่นคือ การดำเนินการที่จำเป็น เพื่อปกป้องชายแดนของพวกเรา” ไบเดน แถลงที่ทำเนียบขาว
I would have preferred to address our issues at the border through bipartisan legislation because that’s the only way to actually fix our broken system –
— President Biden (@POTUS) June 4, 2024
But Republicans in Congress have left me no choice.
So today, I’m announcing actions that bar migrants who cross our… pic.twitter.com/ScZ2urgoG9
ทั้งนี้ คำสั่งฝ่ายบริหารของไบเดน ห้ามผู้อพยพที่เข้ามายังสหรัฐอย่างผิดกฎหมาย จากการขอสถานะผู้ลี้ภัย เมื่อจำนวนผู้อพยพมากเกิน 2,500 คนต่อวัน ส่งผลให้การส่งตัวผู้อพยพกลับเม็กซิโก สามารถดำเนินการได้ง่ายขึ้นด้วย ซึ่งข้อกำหนดดังกล่าวจะมีผลอย่างต่อเนื่อง จนกว่าจำนวนผู้อพยพข้ามพรมแดนอย่างผิดกฎหมาย จะลดลงเหลือต่ำกว่า 1,500 คนต่อวัน
อย่างไรก็ตาม พรรครีพับลิกันกล่าวโจมตีความเคลื่อนไหวข้างต้นว่า “น้อยเกินไป” ขณะที่กลุ่มสิทธิหลายกลุ่ม ระบุว่า พวกเขาจะยื่นฟ้องต่อศาล เพื่อยุตินโยบายการอพยพที่เข้มงวดที่สุดของประธานาธิบดีสหรัฐจากพรรคเดโมแครต ในรอบหลายสิบปี เช่นเดียวกับสำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ (ยูเอ็นเอชซีอาร์) ที่แสดงความกังวลอย่างยิ่งต่อมาตรการของไบเดน
President Joe Biden announces a series of measures to curb asylum claims and head off a surge of border crossings in a politically contentious bid to address one of his biggest domestic vulnerabilities https://t.co/eYvAUb5YKz pic.twitter.com/8ANyoPzisR
— Bloomberg TV (@BloombergTV) June 4, 2024
แม้ผู้อพยพที่เข้ามาในสหรัฐ สามารถขอสถานะผู้ลี้ภัยได้ตามปกติ หากพวกเขาเผชิญกับอันตรายหรือถูกข่มเหง อันเป็นผลจากเชื้อชาติ, ศาสนา, สัญชาติ, ความคิดเห็นทางการเมือง หรือการเป็นสมาชิกในกลุ่มสังคมใด ๆ แต่ผู้อพยพจำนวนมากต้องรอการดำเนินการนานหลายปี ซึ่งบรรดานักวิจารณ์กล่าวว่า หลายคนใช้ประโยชน์จากระบบดังกล่าว เพื่ออยู่ในสหรัฐต่อไป.
เครดิตภาพ : AFP