เมื่อวันที่ 4 มิ.ย. พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล (ผบก.สส.บช.น.) เปิดเผยกรณีภรรยาจ้างวานฆ่า นายพิชิต กลีบจินดา หรือเสี่ยต้น ว่า เกี่ยวกับแนวทางการสืบสวนคดี เสี่ยต้น เจ้าของธุรกิจสอนนวดแผนไทย หลังแนวทางการสืบสวนพบว่านางสาววรรณิภา ภรรยาเสี่ยต้น ได้รู้จักและจ้างวานทีมมือปืนทั้ง 3 คนเพื่อให้ก่อเหตุลอบยิงเสี่ยต้นผ่านแอปฯ โดยยอมรับว่า แอปฯ มีอยู่จริง ซึ่งหากเข้าไปจะพบข้อความการโฆษณาของมือปืนรับจ้าง มีรายละเอียด ช่องทางการติดต่อผ่านไลน์ไอดี และรูปแบบ งานที่รับว่าจ้างเช่นการทำร้ายคน ที่ผ่านมาตำรวจเคยตรวจสอบเจอแล้วพบเป็นกลุ่มมิจฉาชีพ แต่ครั้งนี้เป็นกรณีแรกของประเทศไทยที่พบผู้รับงานจริงและมีการลงมือจริง ซึ่งหลังจากนี้ชุดสืบสวนจะเร่งขยายผลเพื่อดำเนินการปิดกั้นช่องทางกวาดล้างกลุ่มรับจ้างในลักษณะนี้ ส่วนประเด็นที่ก่อนหน้านี้ตำรวจชุดสืบสวน เคยตรวจสอบในประเด็นไซยาไนด์ หลังครอบครัวสงสัยว่าเสี่ยต้น อาจถูกวางยาเสียชีวิต โดยการตรวจสอบพบว่าโทรศัพท์ของผู้ตายช่วงวันที่ 18 เม.ย. มีการค้นหาข้อมูลของไซยาไนด์ ซึ่งเป็นการค้นหาหลังจากเสี่ยต้นเสียชีวิตไปแล้ว ประเด็นนี้เอง ทางแม่ ของเสี่ยต้นยังติดใจว่า อาจมีความเชื่อมโยงและขณะนี้อยู่ระหว่างรอผลชันสูตรสาเหตุการเสียชีวิตจากตำรวจภูธรภาค 4 นั้น

พล.ต.ต.ธีรเดช กล่าวว่า แม้กองบัญชาการตำรวจนครบาล จะไม่สามารถเปิดเผยข้อมูลการชันสูตรสาเหตุการเสียชีวิตของ เสี่ยต้น ได้ แต่กองบัญชาการตำรวจนครบาลได้สนับสนุนการทำงาน และตั้งประเด็นการสอบสวนกลุ่มผู้ต้องหาเกี่ยวกับการหาซื้อสารไซยาไนด์ โดยมีความเป็นไปได้สูงว่าอาจมีการสั่งซื้อจริงและอาจซื้อในพื้นที่กรุงเทพมหานคร แต่ยังอยู่ระหว่างการสืบสวน ที่ผ่านมาสารไซยาไนด์ เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางและการซื้อขายก็ต้องผ่านการอนุญาตหรือควบคุมอย่างเข้มงวด แต่ก็ต้องยอมรับว่ายังมีช่องว่างที่กลุ่มผู้ไม่หวังดีจะสามารถเข้าถึงได้ผ่านช่องทางโซเชียลมีเดีย และนำไปใช้ในการก่อเหตุร้ายซึ่งจุดนี้เจ้าหน้าที่คงต้องบูรณาการร่วมกับองค์การอาหารและยา (อย.) และกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เพื่อสกัดกั้นต่อไป.