จากกรณีตำรวจจับกุม น.ส.วรรณิภา หะมาลา หรือ มด อายุ 37 ปี พร้อมพวก ในข้อหา “จ้างวานฆ่าและร่วมกันพยายามฆ่า” นายพิชิต กลีบจินดา อายุ 44 ปี หรือเสี่ยต้น นักธุรกิจสอนนวดแผนไทย กระทั่ง “เสี่ยต้น” มาเสียชีวิตลงอย่างปริศนา โดยในใบรับรองการตายระบุว่า unattended death ซึ่งทางครอบครัวมองว่าผิดปกติอาจถูกวางยาพิษเพื่อฆาตกรรม หลังพบว่ามีการทำประกันชีวิตไว้ที่วงเงินกว่า 16 ล้านบาท ตามที่ได้เสนอข่าวมาอย่างต่อเนื่องแล้วนั้น

ความคืบหน้าล่าสุดเมื่อวันที่ 4 มิ.ย. ที่ สน.วังทองหลาง นางปภาพินท์ กลีบจินดา อายุ 63 ปี และ น.ส.ณัฐปภัษร์ ธนภัคนันท์หิรัญ แม่และน้องสาว “เสี่ยต้น” พร้อมด้วยทนายความ และญาติพี่น้อง เดินทางยื่นคัดค้านประกันตัว 3 ผู้ต้องหาต่อพนักงานสอบสวน

น.ส.ปนรรฐพร อยู่พิทักษ์วงศ์ ทนายความ เปิดเผยว่า วันนี้พาครอบครัวและญาติของเสี่ยต้น เดินทางมายื่นคัดค้านการประกันตัวของผู้ต้องหาทั้ง 3 รายที่ถูกจับกุมตัว เพราะโทษหนักสุดของผู้ต้องหาคือจำคุกตลอดชีวิต จึงเกรงว่าหากมีการประกันตัวจะมีการหลบหนี หลังจากนี้จะมีการติดตามต่อในส่วนของคดีการเสียชีวิตของเสี่ยต้นที่ จ.มหาสารคาม ที่คาดว่าจะมีความเชื่อมโยงกันกับคดีที่ สน.วังทองหลาง ขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เร่งสืบสวนหาความเชื่อมโยงอยู่ ซึ่งทางครอบครัวสามารถให้ข้อมูลเพิ่มเติมได้แค่บางส่วน และในวันพรุ่งนี้ (5 มิ.ย.) จะมีการยื่นคัดค้านการประกันตัวในชั้นศาลอีกครั้ง

เปิดไทม์ไลน์ผู้บงการสังหาร ‘เสี่ยต้น’ จาก ‘เมียรัก’ สู่ผู้ต้องหาจ้างวานฆ่า

โดยกรณีของมด ภรรยาผู้ตายมีสิทธิอ้างว่าบุตรไม่มีคนดูแล ซึ่งก็อยู่ที่ดุลพินิจของพนักงานสอบสวน เพราะคดียังไม่สิ้นสุด ขณะนี้ทางมด ได้ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา แต่ทางครอบครัวเชื่อมั่นในเจ้าหน้าที่ตำรวจที่มีหลักฐานที่ชัดเจนอยู่แล้ว และถึงแม้ว่าทางพนักงานสอบสวนจะยื่นคัดค้านการประกันตัวไปแล้ว แต่ทางครอบครัวก็จะยื่นคัดค้านการประกันตัวต่อไป ในส่วนของเงินประกัน 16 ล้านบาท ของผู้ตาย เบื้องต้นทราบว่าบุตรทั้งสามคนเป็นผู้รับผลประโยชน์ แต่ในส่วนนี้ยังไม่ได้ดูในรายละเอียดว่ากรมธรรม์มีเงื่อนไขอะไรบ้าง ซึ่งทางครอบครัวของเสี่ยต้นไม่ได้ตรวจสอบและติดตามในเรื่องนี้

ขณะที่ นางปภาพินท์ แม่เสี่ยต้น กล่าวว่า ตนไม่คิดว่าลูกสะใภ้จะเป็นคนลงมือ เพราะคิดว่าเป็นคนนอกมาโดยตลอด ตอนนี้ตนรู้สึกโกรธและไม่อยากพบหน้าลูกสะใภ้ เนื่องจากไม่มีอะไรจะพูดคุยด้วย ขณะนี้หลานทั้ง 3 คนอยู่กับญาติฝั่งลูกสะใภ้ และไม่ให้ติดต่อกับตน ตนจึงมีความรู้สึกเป็นห่วงหลานทั้ง 3 และเชื่อว่าการตายของเสี่ยต้นที่ จ.มหาสารคาม เกิดจากการถูกวางยา 100 เปอร์เซ็นต์ ในส่วนของการอโหสิกรรมตนขอให้คดีสิ้นสุดก่อน

ด้าน น.ส.ปนรรฐพร กล่าวว่า ส่วนตัวตนเชื่อว่าน่าจะมีบุคคลอื่นเกี่ยวข้องและอยู่เบื้องหลังการตายของเสี่ยต้นนอกจากผู้ต้องหาทั้ง 4 ราย เนื่องจากตัวภรรยาของเสี่ยต้นไม่ใช่คนเลวร้ายหรือมีพฤติกรรมรุนแรง หลังจากนี้ตนจะเป็นพยานในชั้นศาล เพื่อเล่าความจริงแทนผู้ตาย เพราะคนตายพูดไม่ได้ ตนจะพูดแทนคนตายเอง.