เมื่อวันที่ 4 มิ.ย. ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งว่ามี ประชาชนกำลังไปประท้วงที่หน้าธนาคารแห่งหนึ่ง จ.ราชบุรี เพราะถูกแก๊งคอลเซนเตอร์หลอกให้โอนเงินไปกว่า 1.1 ล้านบาท จึงเดินทางไปตรวจสอบพบนายนพ สุขาภิรมย์ อาชีพทนายความ กำลังยืนอยู่ที่หน้าธนาคารดังกล่าว โดยเล่าว่า เมื่อวันที่ 20 พ.ค. 67 ที่ผ่านมา ได้มีเจ้าหน้าที่ของบริษัทขนส่งเอกชนแห่งหนึ่งได้ติดต่อมาขอชดใช้ค่าเสียหาย เนื่องจากทำเอกสารของลูกความที่ จ.สุรินทร์ เสียหาย โดยอ้างว่ารถจักรยานยนต์ที่ขนส่งล้มทำให้เอกสารเสียหาย จึงขอขดใช้เป็นเงิน 1,000 บาท ซึ่งประกอบช่วงนั้นมีเอกสารของลูกค้าที่ส่งมาจาก จ.สุรินทร์ ตีกลับไปเพราะตนไม่ได้อยู่บ้าน จึงคิดว่าน่าจะใช่คนเดียวกัน และเห็นว่าเอกสารเสียหายไปแล้วก็สามารถไปขอใหม่ได้

นายนพ กล่าวต่อว่า เมื่อทางบริษัทเอกชนขอชดใช้จึงยินยอมให้เลขบัญชีและให้กดลิงก์ที่เขาส่งมาให้ จนสูญเงินไปถึง 1,129,999 บาท ซึ่งพอรู้ว่าถูกหลอกก็รีบไปแจ้งความที่ สภ.เมืองราชบุรี ซึ่งทางตำรวจก็รีบดำเนินแจ้งทางตำรวจไซเบอ ให้อายัดบัญชีปลายทาง และทางตำรวจกับตนเองก็มาขอการเดินบัญชีย้อนหลังของตนเองเพื่อจะได้ตรวจสอบบัญชีปลายทาง แต่ทางธนาคารอ้างว่าไม่สามารถให้ได้เพราะเป็นความลับของลูกค้า ทั้งที่ตนนั้นเป็นลูกค้าของธนาคารนี้มานานมากและฝากเงินที่เดียวเป็นเงินก้อนสุดท้ายที่จะเก็บไว้กินในบั้นปลายชีวิต แต่กลับถูกทางธนาคารปฎิเสธ จึงรู้สึกผิดหวังกับธนาคารแห่งนี้

ซึ่งขณะพูดคุยได้มี ร.ต.ต.วิเชียร มณีวิหค รอง สว.จราจร สภ.เมืองราชบุรี เข้ามาช่วยเจรจา แต่นายนพ นั้นไม่ยอมและนำแกลลอนใส่อุจาระที่เตรียมเทราดตัวที่หน้าธนาคารโดย ร.ต.ต.วิเชียร ได้พยายามพุ่งกระโดดเข้าไปช่วยเหลือแต่ก็ไม่ทันการณ์ เข้าห้ามท่ามกลางสายตาของชาวบ้านที่มามุงดู ขณะที่เจ้าหน้า รปภ.ของธนาคาร ดังกล่าว นอกจากยังไม่ยอมออกมาช่วยเหลือ และยังต่อว่าสื่อมวลชนที่ไปทำข่าวว่าจะถ่ายอย่างเดียวใช่ไหมทำไมไม่ไปช่วยตำรวจ มิหนำซํ้ายังปิดล็อกประตูธนาคารอยู่ด้านใน จนทำให้เจ้าหน้าทีตำรวจต้องเข้าไปต่อว่า รปภ.ของธนาคาร ทำไมไม่ยอมมาช่วยลูกค้า ทั้งที่ผู้เสียหายนั้นมาประท้วงธนาคารและก็ก็เป็นลุกค้าของธนาคารแห่งนี้

ล่าสุดทางนายนพ ได้ประกาศแจ้งว่าจะติดตามในเรื่องนี้อีก 1 อาทิตย์ หากธนาคารยังไม่ติดต่อกลับก็จะฆ่าตัวตายอีกด้วย.