นายธีร์ เพิ่มพงศ์พันธ์ รองประธานบริหารอาวุโส บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อรายวันลดลง ประกอบกับการผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์จากภาครัฐที่เริ่มมาตั้งแต่วันที่ 1 ก.ย.ที่ผ่านมา ล้วนเป็นปัจจัยบวกที่ทำให้ผู้บริโภคเกิดความเชื่อมั่นและเริ่มกลับมาจับจ่ายใช้สอยมากขึ้นรวมถึงรถยนต์ที่ยังคงเป็นปัจจัยที่ผู้บริโภคให้ความสำคัญและเป็นสินค้าที่มีโอกาสขยายตัว โดยมาสด้า ยอดขายรวมในเดือน ก.ย.64 อยู่ที่ 2,980 คัน เติบโต ถึง 64% เชื่อว่าเศรษฐกิจไทยได้ผ่านจุดที่ต่ำที่สุดมาแล้วและถือเป็นเรื่องน่ายินดี
สำหรับยอดขายรถยนต์มาสด้ามีการเติบโตเพิ่มขึ้นทุกรุ่น มาสด้า2 ยังคงเป็นรุ่นที่ได้รับความนิยมมากที่สุดมียอดขายที่ 1,799 คัน หรือเติบโตขึ้นถึง 86% ตามมาด้วย มาสด้า CX-30 จำนวน 484 คัน เพิ่มขึ้น 47% มาสด้า CX-3 จำนวน 350 คัน เพิ่มขึ้น 24% รถปิกอัพมาสด้า บีที-50 จำนวน 144 คัน เพิ่มขึ้น106% มาสด้า3 จำนวน 122 คัน เพิ่มขึ้น 28% มาสด้า CX-5 จำนวน 46 คัน เพิ่มขึ้น 7% และมาสด้าCX-8 จำนวน 35 คัน เพิ่มขึ้น 35% ตามลำดับ ในขณะที่ยอดขายสะสมตั้งแต่เดือน ม.ค.-ก.ย. มีจำนวนทั้งสิ้น 25,813 คัน
ทั้งนี้มั่นใจว่าภาพรวมเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมยานยนต์ในช่วงไตรมาสสุดท้ายจะกลับมาสดใส เนื่องจากเป็นช่วงที่ลูกค้าจับจ่ายใช้สอยกันมากที่สุดประกอบกับกำลังเข้าสู่ฤดูเก็บเกี่ยวผลผลิตทางการเกษตรภาคธุรกิจและประชาชนต่างขานรับต่อนโยบายของภาครัฐต่อการเปิดประเทศจึงเชื่อว่าจะช่วยให้เศรษฐกิจกลับมาหมุนเวียนและส่งผลดีต่อภาพรวมอุตสาหกรรมรถยนต์ซึ่งมาสด้าได้เตรียมความพร้อมเพื่อเดินหน้าขับเคลื่อนอุตสาหกรรมรถยนต์อย่างเต็มรูปแบบ
พร้อมกันนี้ไดเตรียมเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ เพื่อเป็นการตอบรับต่อกำลังซื้อที่กำลังจะกลับมาและมอบความคุ้มค่ายิ่งขึ้นให้กับลูกค้า โดยส่งโปรโมชั่นสุดพิเศษกับแคมเปญ ”MAZDA TRIPLE BONUS รับดีลสุดคุ้ม คว้าโบนัส 3 ต่อ” เช่น ดอกเบี้ยต่ำสุด 0% หรือ ขับฟรี รับของพรีเมียมเมื่อซื้อรถยนต์มาสด้าทุกรุ่น ส่วนลูกค้าปัจจุบันที่นำรถเข้ารับบริการที่ศูนย์บริการมาสด้า รับโปรโมชั่นพิเศษเช่นกันในเดือน ต.ค.นี้ ซึ่งเงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทกำหนด