เวทีการประชุมสุดยอดรัฐภาคีกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพ ครั้งที่ 28 (COP28) หลายประเทศทั่วโลกแสดงเจตจำนงที่จะลดละการใช้พลังงานจากฟอสซิล เปลี่ยนผ่านไปสู่การใช้พลังงานสะอาดในภาคการผลิต เพื่อบรรลุผลคงอุณหภูมิของโลกไม่เกิน 1.5 องศาเซลเซียส ก่อนยุคปฏิวัติอุตสาหกรรมที่ยังไม่ใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล

ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน)) ร่วมกับ มิตซูบิชิ ยูเอฟเจ ไฟแนนเชียล กรุ๊ป (MUFG) สถาบันการเงินที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่นจัดงาน Krungsri-MUFG ESG Symposium 2024 มุ่งมั่นในการสนับสนุนความยั่งยืนตามแนวทางการดำเนินธุรกิจโดยคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม (Environment) สังคม (Social) และธรรมาภิบาล (Governance) หรือ ESG  โดยผู้เชี่ยวชาญระดับโลกเพื่อถ่ายทอดองค์ความรู้เรื่อง ESG ให้กับลูกค้าธุรกิจและบุคคลทั่วไปที่สนใจ ซึ่งงานในครั้งนี้ได้รับเกียรติจากหน่วยงานภาครัฐ คณะผู้บริหารระดับสูงจากองค์กรธุรกิจชั้นนำ ผู้เชี่ยวชาญด้าน ESG จาก ธนาคารโลก (World Bank) MUFG และกรุงศรี มาร่วมถ่ายทอดองค์ความรู้ ส่งต่อแนวคิดตลอดจนโซลูชันที่ช่วยสนับสนุนธุรกิจในการทำแผนเปลี่ยนผ่าน

นายเคนอิจิ ยามาโตะ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) กล่าวเปิดงานประชุมสัมมนาว่า ภายใต้แผนธุรกิจระยะกลางฉบับที่สี่ (2567-2569) กรุงศรี ตั้งใจอย่างแน่วแน่สู่การเป็น “ธนาคารชั้นนำแห่งภูมิภาคเพื่อความยั่งยืน โดยเราได้นำกรอบแนวความคิด ESG มาปรับใช้ทั้งการดำเนินธุรกิจ สนับสนุนลูกค้าธุรกิจให้สามารถเปลี่ยนผ่านสู่การดำเนินงานด้าน ESG อย่างแท้จริงผ่านกิจกรรมต่างๆ และตั้งเป้าให้การสนับสนุนทางการเงินแก่โครงการธุรกิจเพื่อสังคมและความยั่งยืน 100,000 ล้านบาท (จากปีฐาน 2564) ภายในปี 2573 ซึ่งก็สอดคล้องกับเป้าหมายสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอนและพันธกิจของ MUFG ในการสร้างอนาคตที่สดใส โดยขณะนี้ใช้เงินไปแล้ว 7.1 หมื่นล้านบาท

  นายประกอบ เพียรเจริญ ประธานเจ้าหน้าที่ด้านลูกค้าธุรกิจขนาดใหญ่และวาณิชธนกิจ ธนาคารกรุงศรีฯ  กล่าวว่า กรุงศรีมีความต่างจากธนาคารอื่นเป็นจุดที่ช่วยลูกค้าเข้าถึงเพราะกรุงศรีมี MUFG ได้มีการพุดคุยกันตลอดเวลา ปัจจุบันความรู้ในตลาดโลกเปลี่ยนแปลงเร็วมาก สิ่งที่ต้องทำจึงต้องเรียนรู้เพื่อจะปรับธุรกิจตามการเปลี่ยนแปลงของโลก  เรื่องการเงินเพื่อความยั่งยืนทุกคนต้องไปด้วยกัน ซึ่งมีลูกค้าต่างชาตินำเรื่องการเงินสีเขียวมาใช้ดังนั้นเราจึงต้องการทีมในการเปลี่ยนผ่านไปด้วยกัน

 นายไพโรจน์ ชื่นครุฑ ประธานเจ้าหน้าที่ด้านกลยุทธ์และวางแผนธูรกิจองค์กร ธนาคารกรุงศรีฯ กล่าวว่า การเดินหน้าไปสู่ความยั่งยืนของแบงก์ กำหนดไว้ว่าในปี2573 จะลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์จากการดำเนินงานของธนาคารโดยเปลี่ยนมาใช้โซลาร์ลูฟ ใช้เทคโนโลยกับเครื่องปรับอากาศ และสนับสนุนเรื่องการใช้รถอีวี โดยทำงานร่วมกับพนักงาน2หมื่นคนเพื่อให้เกิดวัฒนธรรมในองค์กร ทั้งการนำขยะมาเป็นปุ๋ย มีกิจกรรมปลูกป่า ทำฝายชะลอน้ำเพื่อชดเชยคาร์บอนเครดิต ตั้งเป้าว่าในปี2593 จะลดการปล่อยคาร์บอนจากกิจกรรมทางเงินของกรุงศรี ทั้งนี้ MUFG จะเข้าไปช่วยสนับสนุนคู่ค้าในการให้บริการทางเงิน ขณะเดียวแบงก์กรุงศรีจะช่วยลูกค้าเรื่องการวิเคราะห์การปล่อยคาร์บอน การทำคาร์บอนเครดิต เพื่อให้เป็นวันสต๊อปชอบในการเปลี่ยนผ่านไปด้วยกัน   

  น.ส.ดวงกมล ลิมป์พวงทิพย์ ประธานคณะเจ้าหน้าที่ด้านลูกค้าธุรกิจธนาคารกรุงศรีฯ กล่าวว่าได้สนับสนุนให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีใช้แนวทาง ESG มาตลอดไม่ว่าจะเป็นการให้ความรู้ ให้รางวัล แต่ยอมรับความตระหนักรู้ยังไม่ทั่วถึง ในปีที่ผ่านมากรุงศรีเอสเอ็มอีได้ทำวิจัยกับเอสเอ็มอีจำนวน700 รายมีตัวเลขเพียง 30 %ที่เห็นความสำคัญของESG ขณะที่ 14 % บอกว่าธุรกิจพร้อมแล้วจะทำ ในฐานะที่แบงก์กรุงศรีมีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนผู้ประกอบการเอสเอ็มอี จึงแบ่งการทำงานเป็น2 มิติ มิติแรกสนับสนุนการเงินสินเชื่อให้กับเอสเอ็มอีเพื่อปรับการทำธุรกิจให้เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม มิติที่2ทำกิจกรรมต่างๆอย่างต่อเนื่องดังนี้ 1.การให้ความรู้ในการเปลี่ยนธุรกิจไปสู่ESG จากผู้เชี่ยวชาญ 2.กรุงศรีESGอวอร์ด เพราะเห็นความสำคัญว่าต้องให้รางวัลกับเอสเอ็มอีที่มีผลงาน ESG โดดเด่นเพื่อให้เกิดแรงกระตุ้นสำหรับรายอื่นๆที่ยังไม่ทำ 3.กรุงศรี ESG อะคาเดมี่ โดยจัดหลักสูตร4 เดือนเพื่อให้ความตระหนักรู้เรื่อง ESG อย่างเป็นระบบ โดยใช้แพลตฟอร์ม และเน็ตเวิร์กที่ทำให้เอสเอ็มอีปรับเปลี่ยนไปสู่ ESG ได้