ทว่าในปัจจุบัน ฮุสซูต้องเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงฉับพลันจากโครงการพัฒนาการท่องเที่ยวสีเขียวที่ได้รับการสนับสนุนจากฝรั่งเศส ซึ่งคาดว่าจะผลักดันเขาและชุมชนประมงแห่งอื่น ๆ ออกจากที่ดินแห่งนี้

แม้โครงการ “เมืองสีเขียวปอร์โต-โนโว” ที่ได้รับเงินสนับสนุนจากสำนักงานเพื่อการพัฒนาแห่งฝรั่งเศส (เอเอฟดี) หวังที่จะส่งเสริมการท่องเที่ยวควบคู่กับการปกป้องสิ่งแวดล้อมรอบกรุงปอร์โต-โนโว แต่ในขณะเดียวกัน กลุ่มผู้พัฒนาเมืองสีเขียวแห่งนี้ จะทำให้ประชาชนที่อาศัยอยู่ริมทะเลสาบต้องย้ายออกไป

อนึ่ง โครงการดังกล่าวเกิดขึ้นหลังประธานาธิบดีปาทริส ตาลง ผู้นำเบนิน เปิดตัวโครงการจำนวนมาก นับตั้งแต่เขาขึ้นสู่อำนาจเมื่อปี 2559 โดยมีเป้าหมายที่จะทำให้เบนิน มีความน่าดึงดูดสำหรับการท่องเที่ยวมากขึ้น

ด้าน นายเจอโรม แบร์ทร็อง-ฮาร์ดี ผู้อำนวยการเอเอฟดีในเมืองโกโตนู กล่าวว่า โครงการนี้จะเป็นประโยชน์ต่อทุกคน ด้วยการฟื้นฟูและปรับปรุงพื้นที่ใกล้เคียงทะเลสาบ แต่ถึงอย่างนั้น ผู้อยู่อาศัยริมทะเลสาบรอบกรุงปอร์โต-โนโว ซึ่งหาเลี้ยงชีพโดยการจับปลาเป็นหลัก ยังคงยืนกรานที่จะอยู่ที่นี่ต่อไป

“เมื่อ 10 เดือนก่อน เจ้าหน้าที่ศาลากลางมาแจ้งว่า เรามีเวลา 1 เดือนในการย้ายออกไป และพวกเราได้จัดตั้งสมาคมขึ้นมาเพื่อปกป้องตัวเอง” นายเลโอโปลด์ ปาโดนู ชาวประมง วัย 44 ปี กล่าวเพิ่มเติมว่า โครงการข้างต้นส่งผลกระทบต่อบ้านเรือนประมาณ 1,000 หลัง และประชาชนราว 5,000 คน อีกทั้งชุมชนยังทราบถึงรายละเอียดต่าง ๆ น้อยมาก

แม้ปาโดนูยอมรับว่า การพัฒนาพื้นที่ริมทะเลสาบจะทำให้เกิดการปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐาน ไม่ว่าจะเป็น ไฟฟ้า, ถนน และทางม้าลาย แต่สิ่งที่เขาและชุมชนชาวประมงกังวลคือ พวกเขาอาจไม่มีโอกาสได้สัมผัสกับความเจริญเหล่านั้น เนื่องจากพวกเขาถูกบอกให้ย้ายออกไป ซึ่งพวกเขาไม่รู้ว่าจะไปอยู่ที่ไหน

กระนั้น “จัสติส แอนด์ เอ็มพาวเวอร์เมนต์ อินิทิเอทีฟส์” (Justice & Empowerment Initiatives) ซึ่งเป็นองค์กรอิสระ (เอ็นจีโอ) ระหว่างประเท กำลังดำเนินการเพื่อช่วยให้ผู้อยู่อาศัยริมทะเลสาบมั่นใจว่าสิทธิของพวกเขาได้รับการเคารพ ด้วยการมอบอำนาจให้ชุมชนสามารถปกป้องตัวเอง รวมถึงการทำข้อตกลงและความร่วมมือที่เป็นประโยชน์ต่อทั้งสองฝ่าย

ขณะที่เทศบาลกรุงปอร์โต-โนโว ระบุเสริมว่า โครงการดังกล่าวริเริ่มจากจุดมุ่งหมายที่จะยุติการตั้งถิ่นฐานอันแสนวุ่นวายบริเวณริมทะเลสาบ และคำนึงถึงการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม

“มันเป็นโครงการที่มีความยืดหยุ่นต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ ซึ่งมีเป้าหมายเพื่ออนุรักษ์ชายฝั่งตามธรรมชาติของกรุงปอร์โต-โนโว พร้อมกับการพัฒนาการท่องเที่ยวเชิงนิเวศ” นายชาร์เลอมาญ แยงโกตี นายกเทศมนตรีกรุงปอร์โต-โนโว กล่าว

ทั้งนี้ สภาเทศบาลกรุงปอร์โต-โนโว ได้จัดสรรเงินช่วยเหลือประมาณ 1 ล้านฟรังก์เซฟา (ราว 60,000 บาท) สำหรับประชาชนที่ต้องย้ายถิ่นฐาน ซึ่งแยงโกตี ให้เหตุผลว่า ผู้อยู่อาศัยริมทะเลสาบแห่งนี้ไม่ได้เป็นเจ้าของพื้นที่ส่วนใหญ่ และพวกเขาเสี่ยงต่อโรคทางน้ำด้วย พร้อมกับเน้นย้ำว่า โครงการเมืองสีเขียว ไม่ได้กำหนดให้ทุกคนต้องย้ายออกไป

ยิ่งไปกว่านั้น แยงโกตีกล่าวว่า ทางการจะสร้าง “หมู่บ้านประมงสมัยใหม่” ในเร็ว ๆ นี้ แต่เขาไม่ได้ให้รายละเอียดเกี่ยวกับกำหนดเวลาและจำนวนคนที่ย้ายไปอยู่ที่นั่นแต่อย่างใด

“โครงสร้างพื้นฐานด้านการท่องเที่ยวทั้งหมดของเมือง อยู่ระหว่างการก่อสร้าง เพื่อเสริมสร้างความน่าดึงดูดด้านการท่องเที่ยวของพวกเรา” แยงโกตี กล่าวทิ้งท้าย.

แมวแว่น