จากกรณีกลุ่มชาวบ้านรวมตัวกันเข้าไปหาเห็ดน้ำเต้าดินในป่าเขตพื้นที่ ต.ตาตุม อ.สังขะ จ.สุรินทร์ ชายแดนไทย-กัมพูชา เพื่อนำออกมาขายเป็นรายได้เสริม ราคาดี กิโลกรัมละ 1,500-2,000 บาท ตามที่ได้นำเสนอไปแล้วนั้น
ชาวบ้านแห่หา ‘เห็ดน้ำเต้าดิน’ คึกคัก แม่ค้ารับซื้อกิโลกรัมละ 1,500-2,000 บาท
กระทั่ง เมื่อวันที่ 1 มิ.ย. 67 เจ้าหน้าที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยทับทัน-ห้วยสำราญ สืบทราบมาจากคลิปข่าวช่องหนึ่งว่า มีการลักลอบซื้อขายและขุดหาสมุนไพรชนิดน้ำเต้าดิน บริเวณป่าทิศใต้บ้านกะเลงเวก ต.เทพรักษา อ.สังขะ จ.สุรินทร์ จึงนำเจ้าหน้าเขตฯ ประกอบด้วย หน่วยฯเขาศาลา หน่วยฯตาเมี่ยง เจ้าหน้าที่สายตรวจส่วนกลาง และตำรวจร้อย.ตชด.214, ตชด.ร้อย.ฉก.217 และตำรวจ ปทส. กองกำกับการสืบสวน จ.สุรินทร์ สนธิกำลังร่วมกันลาดตระเวนเข้าไปตรวจสอบพื้นที่ในทันที ทำให้สามารถจับกุม นายสมชาย อายุ 56 ปี และนางทองบอน อายุ 53 ปี ชาว จ.สุรินทร์ ผู้รับซื้อเห็ดป่าได้ ก่อนแจ้งข้อหา ตาม พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2562 มาตรา 53 วรรคหนึ่ง ฐานร่วมกันเข้าไปในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าโดยไม่ได้รับอนุญาต มาตรา 55 วรรคหนึ่ง (5) ฐานร่วมกันเก็บหา นำออกไป กระทำด้วยประการใดๆ ให้เป็นอันตรายต่อทรัพยากรธรรมชาติอื่น หรือกระทำการอื่นใดอันส่งผลกระทบต่อทรัพยากรธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม ระบบนิเวศ ความหลากหลายทางชีวภาพโดยไม่ได้รับอนุญาต ดำเนินคดีตามกฎหมาย นั้น
เกมแล้ว! บุกจับพ่อค้า-แม่ค้ารับซื้อ ‘เห็ดน้ำเต้าดิน’ กิโลกรัมละ 2,000 บาท
เกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อวันที่ 2 มิ.ย. 67 ทีมข่าวเดลินิวส์ จะพามาเปิดบทลงโทษ ตาม พระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2562 ที่จะดำเนินคดีกับพ่อค้าแม่ค้าสองรายดังกล่าว ดังต่อไปนี้
- มาตรา 53 วรรคหนึ่ง ฐานร่วมกันเข้าไปในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าโดยไม่ได้รับอนุญาต ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 เดือน หรือปรับไม่เกิน 30,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
2. มาตราที่ 55 วรรคหนึ่ง (5) ฐานร่วมกันเก็บหา นำออกไป กระทำด้วยประการใดๆ ให้เป็นอันตรายต่อทรัพยากรธรรมชาติอื่น หรือกระทำการอื่นใดอันส่งผลกระทบต่อทรัพยากรธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม ระบบนิเวศ ความหลากหลายทางชีวภาพโดยไม่ได้รับอนุญาต ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ทั้งนี้ทางกรมอุทยานฯ จึงขอเตือนเก็บเห็ดหาของป่า พื้นที่ป่าอนุรักษ์ เสี่ยงถูกดำเนินคดีหนัก มีทั้งโทษปรับและโทษจำคุกด้วย.
ขอบคุณข้อมูลจาก : พระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2562
