เมื่อวันที่ 2 มิ.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้ (1 มิ.ย.) ที่ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก.สั่งการ พล.ต.ต.มนตรี เทศขัน ผบก.ป. พล.ต.ต.อธิป พงษ์ศิวาภัย ผบก.ปอท. พ.ต.อ.วิวัฒน์ จิตโสภากุล ผกก.2 บก.ป. พ.ต.ท.เนติวิทย์ ธนาสิทธิ์นิติกุล รอง ผกก.2 บก.ป. พ.ต.ต.อัครวุฒิ จันทร์เจริญ พ.ต.ต.วรัท เสริมสุจริต พ.ต.ต.เอื้ออังกูร ชินโชติธีรนันท์ สว.กก.2 บก.ป. พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ป. บก.ปอท. และเจ้าหน้าที่เอฟบีไอ สหรัฐ นำหมายศาลเข้าตรวจค้นเป้าหมาย 4 จุดใน จ.ชลบุรี เพื่อทลายเครือข่ายอาชญากรรมไซเบอร์ระดับโลก หลังได้รับการประสานจากทางการสหรัฐ

โดยจุดแรกที่บ้านหลังหนึ่ง ถนนพระตำหนัก ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี จุดที่ 2 ห้องพักในคอนโดมืเนียม หมู่ 1 ต.นาจอมเทียน อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี จุดที่ 3 ห้องพักในคอนโดมิเนียม หมู่ 1 ต.นาจอมเทียน อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี และจุดที่ 4 ห้องพักในคอนโดมิเนียม หมู่ 1 ต.นาจอมเทียน อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี พร้อมตรวจยึดของกลางธนบัตรไทยและต่างประเทศ รวมกว่า 7.5 ล้านบาท นาฬิกาหรู 13 เรือนมูลค่ากว่า 30 ล้านบาท เครื่องประดับ 23 ชิ้น มูลค่ากว่า 50 ล้านบาท รถยนต์บีเอ็มดับเบิลยู สีดำ 1 คัน โฉนดที่ดิน
อุปกรณ์บันทึกข้อมูล Flash Drive ที่เชื่อว่าบันทึกข้อมูลคีย์การเข้ารหัส หรือรหัสผ่านการเข้ารหัส และอื่นๆ รวมมูลค่านับพันล้านบาท

สำหรับปฏิบัติการดังกล่าวทางการสหรัฐต้องการให้ไทยช่วยรวบรวมพยานหลักฐานของนายยุนฮีกับพวกผู้ต้องหาที่มีพฤติกรรมเป็นอาชญากรออนไลน์ระดับโลกที่ถูกจับได้ในประเทศสิงคโปร์ โดยใช้อุปกรณ์ติดตั้งมัลแวร์ ร่วมกับเครื่องมือปกปิดที่อยู่ของเครือข่ายอาชญากร หรือ 911 S5 ซึ่งนายยุนฮีเป็นผู้ก่อตั้งและดูแลระบบ ส่วนพวกที่เหลือคอยดูแลเอกสารการเงินและตั้ง 3 บริษัทในประเทศไทยเพื่อฟอกเงิน

จากการสืบสวนพบว่าเครือข่ายนี้ได้ทำการแฮก IP Address ของคอมพิวเตอร์ 19 ล้านเครื่อง ในกว่า 190 ประเทศทั่วโลก สร้างความเสียหายมหาศาล และยังมีการโกงเงินจากหน่วยงานของรัฐบาลสหรัฐ จำนวนมากด้วยการแฮกเข้าคอมพิวเตอร์ของชาวอเมริกัน และทำเรื่องขอความช่วยเหลือในเรื่องสวัสดิการต่างๆ แต่เมื่อหน่วยงานรัฐอนุมัติเงินช่วยเหลือ กลับเป็นการโอนเข้าบัญชีของอาชญากร โดยที่บุคคลชาวอเมริกันคนนั้นกลับไม่ทราบเรื่องและไม่ได้รับเงินดังกล่าวแต่อย่างใด

นอกจากนี้ยังมีการแฮกเข้าไปขโมยเงิน เหรียญคริปโต โจมตีทางไซเบอร์ เรียกค่าไถ่ด้วยการปิดกั้นการทำงานขององค์กรใหญ่ และเรียกค่าไถ่แลกกับการให้ระบบกลับมาใช้งานได้ดังเดิม และยังใช้เป็นช่องทางแสวงหาผลประโยชน์จากภาพอนาจารของเด็ก รวมไปถึงการขู่วางระเบิด สร้างความตื่นตระหนกให้กับผู้คนอีกด้วย ขณะเดียวกันคนร้ายกลุ่มนี้ ได้ทำการฟอกเงินที่ได้จากกิจการ ซึ่งกลุ่มคนร้ายกลุ่มนี้ ได้กำไรหลายสิบล้านดอลลาร์สหรัฐจากการบริการผิดกฎหมายและนำไปซื้ออสังหาริมทรัพย์ ยานพาหนะ ทรัพย์สินอื่นๆ ในหลายประเทศ หนึ่งในนั้นคือประเทศไทยรวมมูลค่ากว่า 1,000 ล้านบาท.