ข้อมูลน่าสนใจจาก ‘องค์การกาแฟนานาชาติ’ เปิดเผยว่า ไทยเป็นประเทศที่นิยมดื่มกาแฟ อยู่ในอันดับที่ 24 ของโลก จะเป็นอย่างไร หากเริ่มต้นเช้าวันใหม่ด้วย ‘กาแฟ’ ที่นอกจากจะเติมความกะปรี้กะเปร่าให้ร่างกายได้แล้ว ยังสามารถช่วยลดการปล่อย ‘คาร์บอนไดออกไซด์’ ตัวการสำคัญอันก่อให้เกิดวิฤตโลกเดือด ที่ทุกสรรพสิ่งบนโลกกำลังเผชิญ

การเปลี่ยนแปลงทางสภาพภูมิอากาศไม่ใช่เรื่องใหม่ ทว่าผลกระทบของสิ่งที่เกิดขึ้นกำลังจะพาโลกของเราเดินทางไปสู่ประตูแห่งหายนะ ส่งผลให้องค์กรชั้นนำทั้งในไทยและต่างประเทศ หันมาให้ความสำคัญกับการรับมือต่อวิฤตดังกล่าวเพื่อสร้างความยั่งยืนกันมากขึ้น ดังนั้นการเปลี่ยนมาใช้พลังงานสะอาดหรือพลังงานทางเลือกในการดำเนินธุรกิจ เพื่อลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ และขับเคลื่อน ‘สังคมไร้คาร์บอน’ (Net-Zero Society) ไปพร้อม ๆ กับทุกภาคส่วน จึงถือเป็นทางออกที่จะช่วยให้เราสามารถเดินหน้าไปสู่โลกที่ยั่งยืนได้อย่างแท้จริง

เช่นเดียวกันกับ ‘บ้านปู เน็กซ์’ ผู้ให้บริการโซลูชันพลังงานสะอาดชั้นนำในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ที่ได้นำโซลูชันพลังงานสะอาดครบวงจร เข้ามาใช้ในการขับเคลื่อนธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวัน เพื่อสร้างความยั่งยืนให้กับธุรกิจและสังคม อย่าง ‘ธุรกิจร้านกาแฟ’ ผ่านแคมเปญ ‘Infinite Café Powered by Banpu NEXT’ ป๊อปอัพคาเฟ่พลังงานสะอาด 100% ใจกลางกรุงเทพมหานคร ณ ลาน Outdoor อาคารจัตุรัสจามจุรี (Chamchuri Square) 

โดยร่วมกับ ‘เครซ คาเฟ่’ (Craze Cafe) แบรนด์กาแฟ Specialty & Lifestyle Cafe ภายใต้บริษัท บอนกาแฟ (ประเทศไทย)จำกัด เพื่อยกระดับการใช้ชีวิตให้สามารถเข้าถึงพลังงานสะอาดได้ง่ายขึ้น ทั้งยังส่งเสริมพื้นที่สามย่านให้เป็น ‘สมาร์ทซิตี้’ พร้อมชวนทุกคนเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนสังคมไร้คาร์บอนในอนาคตด้วยการดื่มกาแฟในทุกวัน

สำหรับจุดเด่นที่ทำให้ ‘Infinite Café’ แตกต่างจากคาเฟ่ทั่วไป คือการใช้พลังงานหมุนเวียน 100% ภายในร้าน พร้อมใส่ใจสิ่งแวดล้อมในทุก ๆ รายละเอียด ภายใต้แนวคิดการดำเนินงานที่คำนึงถึงเรื่อง ‘Net Zero’ ตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำดังนี้ 1. ต้นน้ำ: การคัดสรรเมล็ดกาแฟจากแหล่งปลูกคุณภาพดีในประเทศไทย ซึ่งลดการใช้เชื้อเพลิงในการขนส่งนำเข้าเมล็ดจากต่างประเทศ การเลือกใช้ส่วนผสมเป็นนมจากพืชมาใส่ในเครื่องดื่ม และการสร้างสรรค์เมนูเครื่องดื่มที่ช่วยลดการปล่อยคาร์บอน

 2. กลางน้ำ: ใช้แก้วกาแฟทำจากวัสดุที่สามารถย่อยสลายและรีไซเคิลได้ นำโซลูชันพลังงานสะอาดแบบครบวงจรมาใช้ในการจัดการร้าน ได้แก่ ระบบโซลาร์ และแบตเตอรี่ที่ใช้ผลิตและกักเก็บไฟฟ้าภายในร้าน เพื่อทำเครื่องดื่มเสิร์ฟให้ลูกค้า มีดิจิทัลแพลตฟอร์มที่มอนิเตอร์ข้อมูลการใช้พลังงาน และยอดลดการปล่อยคาร์บอนจากคาเฟ่แบบเรียลไทม์ และ 3. ปลายน้ำ: ขยะและของเสียจากร้าน เช่น กากกาแฟ และกล่องนม ถูกกำจัดอย่างเป็นระบบ รวมถึงแก้วที่ใส่กาแฟทำจากวัสดุที่สามารถย่อยสลาย หรือนำไปรีไซเคิลได้ทั้งหมด และบริการรถตุ๊กตุ๊กไฟฟ้า ‘MuvMi’ รับส่งผู้ที่มาใช้บริการคาเฟ่

‘สมิทธิพร เศรษฐปราโมทย์’ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บ้านปู เน็กซ์ จำกัด ระบุว่า บ้านปู เน็กซ์ สนับสนุนให้ทุกภาคส่วนเข้าถึงและใช้พลังงานสะอาดได้อย่างไร้ขีดจำกัด โดยนำเสนอแนวคิดผ่านกิจวัตรประจำวันของผู้คนที่ต้องพึ่งพาธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม ซึ่งเป็นหนึ่งในธุรกิจที่ปล่อยคาร์บอนสูง โดยเฉพาะธุรกิจกาแฟที่คาดว่าจะยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง ถึง 12% ภายในปี 2568

 โดยในปีที่ผ่านมา ได้มีการเปิดตัวป๊อปอัพคาเฟ่พลังงานสะอาด 100% แห่งแรกของไทยขึ้น ณ สวนเบญจกิติ กรุงเทพฯ ซึ่งถือว่าประสบความสำเร็จในการช่วยลดการปล่อยคาร์บอนฯ ได้ราว 5,000 กิโลกรัม ภายในเวลา 2 เดือน เมื่อพิจารณาจากพฤติกรรมการดื่มกาแฟที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น จึงเดินหน้าแคมเปญต่อ โดยขยับมาอยู่ใจกลางเมืองและเพิ่มระยะเวลาการให้บริการนานขึ้น

“บ้านปู เน็กซ์ รับผิดชอบด้านการออกแบบและก่อสร้างป๊อปอัพคาเฟ่ พร้อมติดตั้งโซลูชันพลังงานสะอาดแบบครบวงจรที่ไม่เพียงแค่ตอบโจทย์ทั้งในด้านการใช้พลังงาน ลดค่าใช้จ่าย และลดการปล่อยคาร์บอนเท่านั้น แต่ยังสามารถเชื่อมโยงให้ผู้คนเข้าถึงพลังงานสะอาดได้ง่ายขึ้น และมีส่วนร่วมในการขับเคลื่อนสังคมไร้คาร์บอนในประเทศไทย ได้อย่างเป็นรูปธรรมมากขึ้นนอกจากนี้ บ้านปู เน็กซ์ ยังมีแผนที่จะนำ Infinite Model ไปพัฒนาเป็นโซลูชันแบบครบวงจรที่สามารถใช้ได้กับทุกธุรกิจ เช่น ร้านอาหาร ซูเปอร์มาร์เก็ต ห้างสรรพสินค้า โรงแรม และคอมมูนิตี้มอลล์” สมิทธิพร กล่าว 

ขณะที่ ‘อุษาพรรณ อินทีวรวงศ์’ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหาร บริษัท บอนกาแฟ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า บอนกาแฟ มีแนวคิดการทำธุรกิจอย่างยั่งยืน โดยให้ความสำคัญกับการรักษาสิ่งแวดล้อม และความรับผิดชอบต่อสังคม ซึ่งสอดคล้องกับการดำเนินธุรกิจของบ้านปู เน็กซ์ จึงร่วมมือกันในการผลักดันแคมเปญดังกล่าวให้สามารถสร้างสังคมไร้คาร์บอนได้ 

โดยเครซ คาเฟ่ ดูแลในส่วนของการจัดหาวัตถุดิบที่มีคุณภาพ ทั้งเมล็ดกาแฟพันธุ์ดีจากเกษตรกรไทย นมข้าวโอ๊ตเพื่อสุขภาพ เพื่อสร้างสรรค์กาแฟรสชาติดี ทั้งยังคิดเมนูเครื่องดื่มสูตรพิเศษ ตลอดจนการบริหารจัดการภายในร้าน เหล่านี้สะท้อนให้เห็นว่าพลังงานสะอาดเป็นเรื่องใกล้ตัว และทุกคนสามารถมีส่วนช่วยโลกได้จากการดื่มกาแฟคุณภาพดีจากพลังงานสะอาด

ทั้งนี้ โดยเฉลี่ยแล้วการผลิตกาแฟ 1 แก้วจะมีการปล่อยคาร์บอนฟุตพริ้นท์ อยู่ที่ประมาณ 0.3 กก. ทว่าหากเลือกใช้เมล็ดจากแหล่งปลูกในประเทศ จะช่วยลดการใช้เชื้อเพลิงในการขนส่ง อีกทั้งถ้าใช้พลังงานสะอาดในการชงกาแฟ จะช่วยลดการปล่อย คาร์บอนได้มากขึ้น ซึ่งทุกเมนูที่จำหน่ายในร้าน Infinite Cafe Powered by Banpu NEXT สามารถช่วยลดการปล่อยคาร์บอนได้  

โดยเมนูที่ลดได้สูงสุด คือเมนูซิกเนเจอร์ อย่าง ‘Thai PB’ ที่สามารถลดการปล่อยคาร์บอนได้สูงสุดถึง 850 กรัม โดยวัตถุดิบต่าง ๆ ที่นำมาใช้มีส่วนลดการปล่อยคาร์บอน ทั้งเมล็ดกาแฟ และนมโอ๊ตซึ่งลดการปล่อยคาร์บอนได้มากกว่านมวัวที่ผ่านขั้นตอนทางปศุสัตว์ รวมถึงใช้ไฟฟ้าจากพลังงานสะอาดในขั้นตอนการทำกาแฟทั้งหมด