นายพิเชฐ คุณาธรรมรักษ์ อธิบดีกรมการขนส่งทางราง(ขร.) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการติดตามและขับเคลื่อนโครงการรถไฟระหว่างเมือง ครั้งที่ 1/67 ได้รับทราบความคืบหน้าโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ระยะที่ 1 และทางสายใหม่ที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง รวมถึงการเตรียมประกวดราคาโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ช่วงขอนแก่น-หนองคาย ระยะทาง 167 กิโลเมตร(กม.) ในเดือน มิ.ย.67 ตลอดจนการขออนุมัติโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่อีก 5 เส้นทาง รวมระยะทาง 1,123 กม. ได้แก่ 1.ช่วงปากน้ำโพ – เด่นชัย 2.ช่วงชุมทางถนนจิระ -อุบลราชธานี3.ช่วงหาดใหญ่-ปาดังเบซาร์ 4.ช่วงชุมพร-สุราษฎร์ธานี และ 5.ช่วงสุราษฎร์ธานี-หาดใหญ่-สงขลา ซึ่งเตรียมเสนอคณะกรรมการ(บอร์ด)การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) พิจารณาอีกครั้งก่อนเสนอกระทรวงคมนาคม โดยที่ประชุมมอบหมายให้ รฟท. พิจารณาเสนอขออนุมัติโครงการตามลำดับความสำคัญ  

นายพิเชฐ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ที่ประชุมยังได้ร่วมกันพิจารณารายละเอียดแผนการเดินรถไฟทางคู่สายใต้ช่วงนครปฐม-ชุมพร  ระยะทาง 421 กม. ที่ปัจจุบันได้เปิดเดินรถไฟทางคู่ช่วงสถานีบ้านคูบัว – สถานีสะพลี ระยะทาง348 กม.ไปแล้ว และจะเปิดใช้งานเดินรถไฟทางคู่เพิ่มอีก 72 กม. ตั้งแต่ช่วงบ่ายของวันที่ 4 มิ.ย.67 ประกอบด้วยด้านทิศใต้ของย่านสถานีนครปฐม (ประแจหมายเลข 126) – สถานีบ้านคูบัว ระยะทาง 57 กม. และช่วงสถานีสะพลี-สถานีชุมพร (รวมหน้าย่านสถานีชุมพร ราง 1 และราง 3 ) ระยะทาง 15 กม. ส่งผลให้สามารถเดินรถไฟทางคู่ได้รวมระยะทาง 420 กม. โดยใช้ระบบทางสะดวก (E-token) เพื่อความปลอดภัยในการเดินรถ โดยยังคงเหลือช่วงย่านสถานีนครปฐมประมาณ 1 กม. คาดว่าจะเปิดใช้งานได้ ในวันที่ 12 ส.ค.67 ส่วนงานติดตั้งระบบอาณัติสัญญาณของรถไฟทางคู่สายใต้ ช่วงนครปฐม-ชุมพร (สัญญา 7) ปัจจุบันมีความคืบหน้า 59.762% คาดว่าจะแล้วเสร็จเดือนพ.ค.68 จากนั้นจึงจะเปิดรถไฟทางคู่สายใต้แบบเต็มรูปแบบต่อไป 

นายพิเชฐ กล่าวอีกว่า ที่ประชุมยังได้เร่งรัดการเปิดใช้งานรถไฟทางคู่สายตะวันออกเฉียงเหนือ ช่วงมาบกะเบา- คลองขนานจิตร ที่ปัจจุบันมีคืบหน้าแล้ว 97% เหลือช่วงที่ต้องรอเงินค่าเวนคืนเพิ่มเติมที่อยู่ระหว่างนำเสนอคณะรัฐมนตรี(ครม.) ก่อนดำเนินการก่อสร้างบริเวณทางลงยกระดับมวกเหล็ก และพื้นที่ส่วนที่เหลือ ซึ่งจะใช้ระยะเวลาอีกประมาณปีเศษคาดว่าจะสามารถเปิดใช้งานทางคู่ในระยะแรก ช่วงสถานีมาบกะเบา-สถานีมวกเหล็กใหม่ (ใช้ทางใหม่เข้าอุโมงค์ที่ 1 (อุโมงค์ผาเสด็จ) และออกจากอุโมงค์ที่ 2 (อุโมงค์หินลับ) จะเบี่ยงขวาเข้าทางรถไฟเดิมก่อนถึงสถานีมวกเหล็กใหม่) ระยะทาง 13 กม. และช่วงสถานีบันไดม้า – สถานีคลองขนานจิตร ระยะทาง 30 กิโลเมตร รวมระยะทาง 43 กม. ได้ในช่วงเดือน ก.ค.67

ส่วนการเปิดใช้งานอุโมงค์ที่ 3 (อุโมงค์ลำตะคอง) ปัจจุบัน รฟท. อยู่ระหว่างเตรียมก่อสร้างทางรถไฟเพิ่มเติมอีก 237 เมตรไปบรรจบทางรถไฟเดิม  คาดว่าจะแล้วเสร็จและเปิดใช้งานปลายปี 67 นอกจากนี้ ที่ประชุมได้เร่งรัดรฟท. ดำเนินการก่อสร้างรถไฟทางคู่ช่วงลพบุรี-ปากน้ำโพ โดยเฉพาะสัญญาที่ 1 ช่วงบ้านกลับ-โคกกระเทียม ซึ่งปัจจุบันมีความคืบหน้ากว่า 92% โดยให้มีการกำหนดระยะเวลาแล้วเสร็จให้ชัดเจน เพื่อแจ้งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเตรียมความพร้อมระบบขนส่งสาธารณะขนาดรอง (feeder) มารองรับการเชื่อมต่อให้สอดคล้องกับช่วงที่มีการเปิดใช้งานสถานีลพบุรีแห่งใหม่ประมาณปลายปี 67

นายพิเชฐ กล่าวด้วยว่า สำหรับการก่อสร้างรถไฟทางคู่ระยะที่ 1 ปัจจุบันมีความคืบหน้างานโยธาไปมากพอสมควร และอยู่ระหว่างเร่งดำเนินการติดตั้งระบบอาณัติสัญญาณให้แล้วเสร็จตามแผนงาน ซึ่งกระทรวงคมนาคมได้ให้ความสำคัญและเร่งรัดการดำเนินงานโครงการรถไฟทางคู่ เพื่อให้สามารถเปิดใช้งานเดินรถไฟทางคู่ ซึ่งจะช่วยลดระยะเวลาการเดินทาง และเพิ่มความปลอดภัยในการเดินรถให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น สามารถรองรับการขนส่งผู้โดยสารและสินค้าเพิ่มมากขึ้น รวมทั้งช่วยลดต้นทุนโลจิสติกส์และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศอีกด้วย.