เมื่อวันที่ 31 พ.ค. ที่กองบังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 1 (บก.สอท.1) ฮาย-อาภาพร นครสวรรค์ อายุ 54 ปี นักร้องลูกทุ่งชื่อดัง พร้อม น.ส.อรอนงค์ คงประกอบ หรือ แหวด น้องสาว และผู้เสียหายอีกหลายราย เข้าร้องทุกข์กับ พล.ต.ต.ชัชปัณฑกาณฑ์ คล้ายคลึง ผบก.สอท.1 หลังถูกมิจฉาชีพหลอกในหลายรูปแบบรวมมูลค่าความเสียหาย 60-70 ล้านบาท

อาภาพร เปิดเผยว่า สืบเนื่องจากก่อนหน้าตนเคยได้อัดคลิปวิดีโอเล่าประสบการณ์น้องสาวถูกมิจฉาชีพหลอกผ่านโซเชียลของตนเองนั้นก็มีผู้เสียหายจำนวนมากได้ติดต่อมาว่าโดนหลอกกันในลักษณะไหน และรูปแบบใดบ้าง จึงพาผู้เสียหายกว่า 10 ราย รวมไปถึงน้องสาวของตนมาร้องทุกข์ที่ตำรวจไซเบอร์ โดยน้องสาวของตนได้ซื้อของออนไลน์ในแอปพลิเคชันหนึ่ง ผู้ก่อเหตุจะเลือกผู้เสียหายที่เป็นลูกค้าของแอปดังกล่าว เมื่อมีการสั่งซื้อสินค้าแล้ว มิจฉาชีพจึงได้เบอร์น้องสาวของตนจากแอป และทำการโทรฯ มาด้วยเบอร์ของมิจฉาชีพ จากนั้นจึงมีการชักชวนให้ร่วมกิจกรรมพิเศษกับทางร้าน โดยอ้างว่าคะแนนของน้องสาวในการชอปปิงนั้นสูงจึงมีสิทธิพิเศษ และมีการนำรางวัลมาล่อ เช่น เครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ หลังจากนั้นจะมีการเชิญชวนให้หารายได้พิเศษ

โดยช่วงแรกได้เงินจริง และภายหลังมีการให้เสียค่าสมัครอัพเลเวลเพื่อจะได้เงินตอบแทนเพิ่มขึ้น โดยครั้งแรกน้องสาวตนโอนไป 50,000 บาท และทางมิจฉาชีพโอนกลับให้ 70,000 บาท หลังจากนั้นน้องสาวตนได้ทำการโอนทั้งหมด 5 ครั้ง ในเวลา 3 วัน รวมมูลค่าความเสียหาย 1,450,000 บาท กระทั่งในการโอนครั้งสุดท้าย มิจฉาชีพอ้างว่าไม่สามารถถอนเงินออกได้ ต้องโอนเพิ่มอีกจำนวนกว่า 1 ล้านบาท เพื่อเป็นการยืนยันตัวตนจึงจะสามารถถอนเงินออกได้ น้องสาวตนจึงเกิดความสงสัยและเริ่มแน่ใจแล้วว่าถูกมิจฉาชีพหลอก นอกจากนี้ตนได้ทำการลองเล่นกิจกรรมดังกล่าว เพราะจะนำข้อมูลมาให้แก่ตำรวจ โดยตนคาดว่าจะไม่เสียเงินเพราะน้องสาวตนใช้เวลา 3 วันกว่าที่มิจฉาชีพจะทำการหลอก ซึ่งตนโอนไปในครั้งแรกได้รับเงินตอบแทนจริง โดยโอนเงินไป 5,000 บาท ได้คืนมา 7,000 บาท แต่เมื่อโอนอีกครั้งในวันเดียวกัน 10,000 บาท กลับไม่ได้รับเงินตอบแทน ตนจึงเสียเงินจำนวนนี้ไป

ทั้งนี้ ตนอยากฝากถึงทุกคนที่ใช้โซเชียลว่า โซเชียลนั้นเป็นความสะดวกสบายแต่ก็มีทั้งข้อดีและข้อเสีย อยากให้ทุกคนที่กำลังตกอยู่ในขบวนการลักษณะนี้รีบถอนตัวเองออกมาให้ไว และรีบแจ้งความ เราไม่รู้ว่ามิจฉาชีพจะมาในรูปแบบใด ฉะนั้นควรใช้ชีวิตแบบมีสติ อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวถามว่าจะฝากอะไรถึงคนร้ายหรือไม่ หากตำรวจจับตัวได้ ทางนักร้องสาว บอกว่า “จะกระโดดถีบหนังหน้า”

ขณะที่ พล.ต.ต.ชัชปัณฑกาณฑ์ กล่าวว่า ในส่วนนี้จะให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบเคสไอดี เนื่องจากมีหลายเคสทั้งที่เกิดขึ้นที่ กทม. และ ตจว. ซึ่งมีการหลอกหลายรูปแบบ ซึ่งแยกเป็นแต่ละประเภทคดีและแต่ละท้องที่ ทางตำรวจไซเบอร์จะรวบรวมข้อมูลตรวจสอบทั้งหมดและประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินการต่อไป ซึ่งจะเข้าข่ายความผิดในข้อหา ฉ้อโกง และความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ มาตรา 14(1) ซึ่งขณะนี้มีศูนย์ AOC 1441 (Anti Online Scam Operation Center) ที่สามารถโทรฯ แจ้งเหตุภัยออนไลน์ได้ทุกที่ในประเทศไทย เพื่อทำการระงับบัญชี และยังมีเว็บไซต์ thaipoliceonline ที่สามารถแจ้งความออนไลน์ได้ โดยเน้นย้ำว่าทางตำรวจไซเบอร์ไม่รับแจ้งความผ่านทางเฟซบุ๊กหรือไลน์ สามารถแจ้งได้แค่ 2 ทางดังกล่าวเท่านั้น นอกจากนี้เมื่อมีการยึดทรัพย์ของมิจฉาชีพได้แล้วนั้น ทางตำรวจไซเบอร์จะทำการประสานงานไปที่ ปปง. เพื่อทำการเฉลี่ยทรัพย์คืนแก่ผู้เสียหายอีกด้วย.