เมื่อวันที่ 30 พ.ค. 67 นายราเมศ รัตนะเชวง อดีตโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ชี้แจงผ่านบุคคลใกล้ชิด ถึงกรณีที่ลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ และได้บรรพชาอุปสมบทที่วัดแห่งหนึ่งใน จ.นครปฐม โดยได้รับฉายา “รัตนฺปญโญ” ว่า ขณะนี้อาตมาได้บวชเป็นพระแล้ว จึงอาจไม่เหมาะสมที่จะยังให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับประเด็นทางการเมือง สำหรับการลาบวชครั้งนี้ ตนได้บอกนายชวน หลีกภัย อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน หัวหน้าพรรค และผู้ใหญ่ในพรรคอีกหลายคน โดยได้แจ้งให้นายเฉลิมชัยทราบถึงเหตุผลของการขอลาออกจากสมาชิกพรรคแล้วว่า เพื่อให้งานโฆษกพรรคเดินหน้าไปได้ เพราะถ้างานดังกล่าวยังต้องรอ ระหว่างที่อาตมาบวช พรรคจะได้รับความเสียหายได้ อีกทั้ง ตามข้อบังคับพรรค ระบุเรื่องการเป็นสมาชิกพรรคว่าห้ามเป็นพระภิกษุ แต่ให้งดการเป็นสมาชิกไว้ชั่วคราว ซึ่งจะมีการตีความเรื่องตำแหน่งโฆษกพรรค และขณะนี้ยังไม่มีกำหนดลาสิกขา จึงเป็นเหตุผลที่ต้องลาออกจากสมาชิกพรรค

“ท่านหัวหน้าพรรค เป็นพี่ชายที่เคารพ คอยสนับสนุนการทำงานตลอด โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องงานช่วยเหลือประชาชน ซึ่งอาตมาจะกลับไปช่วยงานในวันข้างหน้า แม้ไม่มีตำแหน่ง ก็ทำงานในฐานะสมาชิกพรรคธรรมดา เพราะมีหลายเรื่องที่ค้างคาอยู่ เช่น การแก้ปัญหาของพี่น้องประชาชนซึ่งเป็นงานที่รัก แม้ไม่มีตำแหน่ง ก็จะพยายามช่วยให้ได้มากที่สุด” พระราเมศ​ ระบุ

พระราเมศ กล่าวยืนยันว่า การลาออกครั้งนี้ ไม่ได้มีความขัดแย้งในการทำงานกับคณะกรรมการบริหารพรรค และมีอิสระในการแถลงข่าวเต็มที่ อีกทั้งไม่เคยมีใครกดดันให้อาตมาไปว่าความทำคดีอะไร เพราะงานกฎหมายมีคนอื่นดูแลอยู่แล้ว ทั้งนี้ ต้องขอโทษโยมทุกคนที่ไม่ได้บอกกล่าวเรื่องการลาบวชกับทุกคน เพราะตั้งใจที่จะบวชให้โยมแม่และผู้มีพระคุณ และตั้งใจบวชเพื่อขอขมากรรมต่อทุกคนที่ได้ล่วงเกิน

“อาตมาก็เป็นมนุษย์คนหนึ่ง ที่ไม่ได้ทำดีทั้งหมดในช่วงเวลาชีวิตที่ผ่านมา มีทั้งใช้ชีวิตไปในทางที่ดีและไม่ดี ผิดศีลธรรม ไม่ผิดศีลธรรม การกระทำหลายการกระทำอาจทำให้คนอื่นทุกข์ใจเสียใจ ก็ต้องขอขมากรรม ขออโหสิกรรม ไว้ ณ ที่นี้” พระราเมศ ชี้แจง