จากกรณีทางการประเทศอินโดนีเซียจับกุมนายเชาวลิต ทองด้วง หรือ “แป้ง นาโหนด” ผู้ต้องขังระหว่างอุทธรณ์ฎีกาที่ถูกขังในเรือนจำกลางนครศรีธรรมราช และได้หลบหนีไปจากการควบคุมระหว่างการเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลมหาราชนครศรีธรรมราช เมื่อช่วงกลางดึกของวันที่ 22 ต.ค. 66 ตามที่มีการรายงานข่าวไปอย่างต่อเนื่องแล้วนั้น

ความคืบหน้าเมื่อวันที่ 30 พ.ค. ที่บริเวณด้านหน้าตึกกระทรวงยุติธรรม ถนนแจ้งวัฒนะ กรุงเทพฯ “ผู้สื่อข่าวเดลินิวส์” ได้รับการเปิดเผยจาก พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม ว่า เบื้องต้นภายหลังจากที่เจ้าหน้าที่ตำรวจอินโดนีเซียได้จับกุมตัวนายเชาวลิตได้นั้น ทางเราจะมีการประสานรับตัวกับทางการอินโดนีเซีย ซึ่งทางอินโดนีเซียจะมีขั้นตอนกฎหมายของเขาอยู่แล้ว แต่ในวันพรุ่งนี้ (31 พ.ค.) เราได้วางแผนไปประสานงานเพื่อให้มีการรับตัว ส่วนในวันนี้ (30 พ.ค.) ตนได้ให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ที่รับผิดชอบในเรื่องของการจับกุม และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) ดำเนินการคู่ขนาน เพราะเรามีหมายแดง (Interpol) สำหรับการจับกุมนายเชาวลิต โดยหากเป็นไปได้ในวันพรุ่งนี้ ถ้ารับตัวเขากลับมาได้ ก็จะได้นำกลับมาที่ประเทศไทยเพื่อดำเนินคดีต่อไป

พ.ต.อ.ทวี เผยอีกว่า ส่วนในเรื่องการสืบสวนสอบสวนคดีของนายเชาวลิต นั้น จะเป็นการรับผิดชอบของพนักงานสอบสวน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) เป็นผู้สอบสวน โดยอาจมีการตั้งคณะทำงานขึ้นมา 1 ชุด และหากเราได้รับตัวนายเชาวลิตกลับมาไทย ก็อาจจะต้องพิจารณานำตัวไปคุมขังไว้ในเรือนจำที่มีความมั่นคงสูง หรือเรือนจำความมั่นคงในต่างจังหวัดแทน ขอให้เป็นดุลพินิจของนายสหการณ์ เพ็ชรนรินทร์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ ส่วนเรื่องราวต่างๆ อาจต้องรอผลการสอบสวนก่อน

เมื่อถามว่าต้องแยกขังเดี่ยวนายเชาวลิตหรือไม่ เพื่อป้องกันการกระทำความผิดซ้ำ พ.ต.อ.ทวี แจงว่า คงไม่ถึงขนาดนั้น แต่เราจะทำในลักษณะเพื่อป้องกันไม่ให้เขาหลบหนีอีก ส่วนเรื่องมาตรการต่างๆ ทางกรมราชทัณฑ์จะเป็นผู้พิจารณาดำเนินการ และคงไม่ได้ติดกำไลอีเอ็ม (EM) ระหว่างอยู่ภายในเรือนจำฯ แต่จะจัดให้อยู่ในเเดนขังที่มีความมั่นคงเอาไว้แทน

ขณะที่ นายสหการณ์ เพ็ชรนรินทร์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยถึงขั้นตอนของกรมราชทัณฑ์ ภายหลังจากที่เจ้าหน้าที่ตำรวจอินโดนีเซียสามารถจับกุมตัวนายเชาวลิต ได้ ขั้นตอนการรับตัวผู้ร้ายข้ามแดนจะเป็นไปตามกระบวนการปกติ เมื่อประสานส่งตัวเข้ามาแล้ว จะนำตัวมายังกรุงเทพมหานคร จากนั้นพนักงานสอบสวนจะมีการสอบปากคำ ซึ่งการควบคุมตัว เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์จะดูแลร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ

เมื่อถามว่าหากนำตัวนายเชาวลิตกลับเข้ามาประเทศไทยแล้ว จะต้องส่งตัวไปยังเรือนจำกลางนครศรีธรรมราช หรือไม่ หรือสถานที่ใด นายสหการณ์ เผยว่า หลังจากนี้ทางกรมราชทัณฑ์จะต้องไปพิจารณาว่าจะคุมตัวนายเชาวลิตไปคุมขังไว้ที่ไหน ส่วนจะต้องเพิ่มกำลังเจ้าหน้าที่ในการควบคุมหรือไม่นั้น เราจะดูแลตามมาตรการปกติสำหรับผู้ต้องหาในประเทศ ทั้งนี้ ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการดำเนินการของกระทรวงการต่างประเทศ (กต.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง แต่ยังต้องประสานกันก่อนว่าผู้ต้องหาได้กระทำความผิดอะไรบ้าง ในประเทศอินโดนีเซีย และทางประเทศต้นทางจะดำเนินการแจ้งข้อกล่าวหาหรือดำเนินคดีอย่างไร

นายสหการณ์ เผยอีกว่า สำหรับขั้นตอนการรับตัวผู้ร้ายข้ามแดนจะเป็นไปตามกระบวนการปกติ เมื่อกลับมายังประเทศไทย ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะต้องสอบสวนตามกระบวนการ และแจ้งข้อหาเพิ่มในกรณีหลบหนีจากที่คุมขัง โดยโทษในกรณีนี้จะต้องรวมกับโทษเดิมที่ถูกตัดสินมาตั้งแต่ต้น อย่างไรก็ตาม กรมราชทัณฑ์ เป็นกระบวนการขั้นตอนปลายทาง ต้องรอให้ขั้นตอนการสอบสวน ขั้นตอนพิจารณาคดีเสร็จสิ้นจึงจะเข้าสู่ขั้นตอนของกรมราชทัณฑ์ได้ แต่ในการแรก การควบคุมตัวนายเชาวลิต เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์จะดูแลร่วมกับตำรวจอย่างแน่นอน.