เมื่อวันที่ 30 พ.ค. นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.สาธารณสุข กล่าวหลังเป็นประธานการกระชุมคณะกรรมการการแพทย์ฉุกเฉิน ที่สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ (สพฉ.) ว่า ประชุมได้หารือถึงปัญหาและสมรรถนะของระบบการแพทย์ฉุกเฉิน ทั้งเรื่องความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงบริการ ซึ่งแนวโน้มผู้ป่วยฉุกเฉินเพิ่มขึ้นในทุกปี แต่มีเพียง 3,943 ตำบลที่มีหน่วยปฏิบัติการแพทย์รองรับ จากทั้งหมด 7,255 แห่ง ยังขาดอีกถึง 3,312 แห่ง หรือ 46 % ที่ยังไม่มี  ทำให้ระยะเวลาในการตอบสนองไม่ได้ตามมาตรฐานสากล และมีผู้ป่วยฉุกเฉินตายนอกโรงพยาบาลจากกลุ่มโรคฉุกเฉินประมาณ 100,000 คนต่อปี สูงกว่าประเทศพัฒนา 2 เท่า แต่ถ้ากลุ่มที่เข้าถึงบริการแพทย์ฉุกเฉินภายใน 8 นาที จะมีอัตราการรอดชีวิตถึง 92 %  

นายสมศักดิ์ กล่าวว่า อีกปัญหาคือ ประชาชนยังมีความรู้ต่ำในการประเมินความเจ็บป่วยฉุกเฉิน การปฐมพยาบาล ขาดการเรียกใช้บริการที่เหมาะสมและทันท่วงที และการขาดแคลนบุคลาการทางการแพทย์ฉุกเฉินระดับวิชาชีพ ศักยภาพของบุคลากรบางส่วนยังไม่เป็นไปตามมาตรฐานที่กำหนด รวมถึงการที่ สพฉ.ได้รับการจัดสรรงบประมาณในการพัฒนาระบบและการสนับสนุนค่าชดเชย ไม่เพียงพอต่อการให้บริการผู้ป่วย ไม่สะท้อนต้นทุนที่แท้จริง และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นยังไม่ได้รับการสนับสนุนงบฯ และทรัพยากรที่เพียงพอในการดำเนินการแพทย์ฉุกเฉินท้องถิ่น รวมถึงระบบเทคโนโลยีสารสนเทศการแพทย์ฉุกเฉินยังไม่ได้รับการสนับสนุนอย่างเพียงพอและมีประสิทธิภาพในการตอบสนองต่อการให้บริการ

นายสมศักดิ์ กล่าวอีกว่า ที่ประชุมมีข้อเสนอแนะแนวทางการแก้ไขปัญหา ชื่อว่า โครงการลดความเหลื่อมล้ำของประชาชนในการเข้าถึงระบบบริการการแพทย์ฉุกเฉินที่มีมาตรฐานคุณภาพอย่างทั่วถึงและเท่าเทียม เพื่อลดการเสียชีวิตและความพิการของผู้ป่วยฉุกเฉินก่อนถึงสถานพยาบาลและเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันทางเศรษฐกิจของประเทศ โดยจะมีการเสริมสร้างความรู้ให้ประชาชน สร้างศูนย์การเรียนรู้ชุมชน จัดหา เครื่องกระตุกหัวใจไฟฟ้า (AED) ทุกตำบลและแหล่งท่องเที่ยว จัดระบบการแพทย์ฉุกเฉินให้ครอบคลุมและทั่วถึง ยกระดับการคุ้มครองสิทธิผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤต และยกระดับปฏิบัติการฉุกเฉินทางอากาศเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนและนักท่องเที่ยว และสุดท้ายคือการพัฒนาดิจิทัลแบบฟอร์มเพื่อการแพทย์ฉุกเฉินของประเทศ

“แพทย์ฉุกเฉินเป็นหน่วยงานสำคัญในการช่วยเหลือผู้ป่วยวิกฤต ซึ่งหากเรามีความพร้อมทั้งอุปกรณ์และบุคลากร รวมถึงมีหน่วยแพทย์ที่ครอบคลุมทุกพื้นที่ จะทำให้เราสามารถช่วยเหลือชีวิตประชาชนได้อย่างมากมาย รวมถึงสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักท่องเที่ยวและชาวต่างชาติที่จะเข้ามายังบ้านเรา ทำให้เกิดการพัฒนาเศรษฐกิจได้  ซึ่งผมจะนำเรื่องนี้เข้าหารือกับคณะรัฐมนตรี โดยเฉพาะเรื่องที่ประชุมเสนอแนะคือ การจัดระเบียบ และการทำหมวดทะเบียนเฉพาะรถฉุกเฉิน ซึ่งปัจจุบันมีรถฉุกเฉินที่ไม่ได้มาตรฐานอยู่เยอะมาก ตรงนี้จะเป็นส่วนของกระทรวงคมนาคม และอีกเรื่องคือการจัดการเบอร์ฉุกเฉินแห่งชาติ ที่ควรจะมีเบอร์หลักที่ง่ายต่อการติดต่อของประชาชน รวมถึงอาจจะมีการใช้แอพพลิเคชั่นกลางในการติดต่อได้อีกทางหนึ่งด้วยหรือไม่ ตรงนี้ผมจะนำไปหารือแนวทางในที่ประชุม ครม.และกลับมาประชุมหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอีกครั้ง”นายสมศักดิ์ กล่าว