เมื่อเวลา 17.35 น.วันที่ 29 พ.ค.ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีอัยการสูงสุดมีคำสั่งฟ้องนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในคดีมาตรา 112 และอนุญาตให้เลื่อนมาพบอัยการได้ถึง 18 มิ.ย.67 หลังนายทักษิณไม่ได้มาพบพนักงานอัยการตามกำหนดนัด เนื่องจากป่วยติดโควิด-19 ว่า ตนพูดมาโดยตลอดไม่ว่าจะเป็นคดีของตนที่อยู่ในศาลรัฐธรรมนูญ ตนก็ให้ความเคารพกระบวนการยุติธรรม เรื่องรายละเอียดต่างๆผู้สื่อข่าวก็ทราบอยู่ว่า ตนไม่อยากจะพูดอะไรมากมาย ต้องเคารพในระบบตุลาการด้วย ส่วนของนายทักษิณเองตอนนี้ก็เข้าสู่กระบวนยุติธรรมแล้ว ก็เป็นหน้าที่ของฝ่ายจำเลยจะต้องไปชี้แจงให้ชัดเจน ก็ขอให้เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมและเป็นไปตามขั้นตอนที่ถูกต้อง ส่วนที่นายทักษิณติดโควิด -19 ยังไม่ได้โทรศัพท์ไปหา เพราะตนยังติดภารกิจอยู่ที่ฮ่องกง ไม่ได้พูดคุยเลย

เมื่อถามว่า เป็นการบั่นทอนกำลังใจของคนในพรรคเพื่อไทย(พท.)หรือไม่นายเศรษฐา กล่าวว่า ไม่ทราบต้องไปถามคนในพรรคพท.ในส่วนของตนก็มีหน้าที่ทำงานต่อไป 

เมื่อถามต่อว่า ปฏิเสธไม่ได้ว่าพรรคพท. รัฐบาล และนายทักษิณ เป็นกลุ่มเดียวกัน เมื่อเกิดคดีนี้จะกระทบต่อภาพลักษณ์รัฐบาลหรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า ตนเชื่อว่าไม่กระทบ แต่หากถามว่าจะกระทบกับพรรคพท.หรือไม่ ต้องไปถามกันเอง แต่ในแง่ของบุคคลก็กระทบจิตใจของหัวหน้าพรรคพท.ซึ่งในแง่ของ พรรคการเมือง ในแง่ของรัฐบาล ในแง่ของนายทักษิณ ตนว่าแยกแยะกันชัดเจน

เมื่อถามอีกว่า ที่ผ่านมานายกฯมีแผนลงพื้นที่ร่วมกับนายทักษิณ ต้องหยุดไว้ก่อนหรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า เป็นเรื่องของอนาคต จะเป็นเมื่อไหร่ 1 หรือ 2 ปี ตนก็ไม่แน่ใจ ตนไม่ทราบ หากถามตน แต่ท่านออกมาและตนมาเป็นนายกฯไม่เคยมีการพูดคุยว่าจะมีการลงพื้นที่พร้อมกันต้องใช้คำนี้ว่า ไม่เคย ซึ่งตนก็ไม่ทราบว่านายทักษิณมีความประสงค์อย่างนั้นหรือเปล่า อยู่ดีๆจะไปทึกทักเอาเองว่านายทักษิณ อยากจะลงพื้นที่กับตนมันก็ไม่ถูก แต่ขอยืนยันได้ว่าตั้งแต่ท่านออกมาและตั้งแต่ตนมาเป็นนายกฯไม่เคยพูดคุยกันเรื่องนี้.