ล่าสุดเมื่อวันที่ 29 พ.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เพจเฟซบุ๊ก “นพ.มนูญ ลีเชวงวงศ์” แพทย์เฉพาะทางด้านโรคระบบการหายใจ โรงพยาบาลวิชัยยุทธ ได้ออกมาโพสต์​ข้อความเผยถึงเคสผู้ป่วยหลังจากสูบบุหรี่มากถึง 1 ซองต่อวัน แต่แม้ว่าหลังจากหยุดสูบบุหรี่มา 7 ปี แต่ยังพบว่าป่วยเป็นมะเร็งระยะสุดท้าย

โดยหมอมนูญ ได้เผยว่า “ผู้ป่วยชายอายุ 70 ปี มาโรงพยาบาลด้วยน้ำหนักลด เบื่ออาหาร กินได้น้อย ไม่ไอ ไม่มีไข้ ไม่ปวดหัว ไม่ปวดกระดูก เคยสูบบุหรี่ 1 ซองต่อวัน หยุดสูบ 7 ปี” เจาะเลือด ค่ามะเร็ง CEA สูง 11.4 เอกซเรย์ปอดมีฝ้าขาวที่ปอดซ้ายด้านล่าง

ทำคอมพิวเตอร์ปอดเห็นก้อนขนาด 6.8 × 4.5 × 5.6 เซนติเมตรที่ปอดซ้ายด้านล่าง และมีถุงลมโป่งพอง เจาะชิ้นเนื้อจากก้อนในปอดส่งตรวจพยาธิวิทยาพบมะเร็งปอดชนิด adenocarcinoma ตรวจ NGS ไม่พบยีนกลายพันธุ์ ตรวจ PD-L1 ให้ผลลบ ส่งทำ PET scan พบมะเร็งปอดกระจายเข้าต่อมน้ำเหลืองในช่องอกและกระจายออกนอกปอดไปที่กระดูกต้นขาข้างซ้าย

ผู้ป่วยรายนี้ผ่าตัดไม่ได้ ให้ยามุ่งเป้า ยาภูมิคุ้มกันบำบัดก็ไม่ได้ เหลือวิธีสุดท้ายให้การรักษาด้วยยาเคมีบำบัด 6 เดือน ผู้ป่วยตอบสนองต่อยาชั่วคราว ต่อมาหอบเหนื่อยมากขึ้น ไม่มีไข้ กินอาหารได้น้อยมาก ค่ามะเร็ง CEA เพิ่มขึ้นเป็น 44

เอกซเรย์ปอดมีฝ้าขาวทั้ง 2 ข้างจากมะเร็งปอดแพร่กระจายไปตามระบบน้ำเหลือง lymphangitic spreading ระดับออกซิเจนที่ปลายนิ้วต่ำมาก ต้องให้ออกซิเจนแรงดันสูงทางจมูก High-Flow Nasal Cannula ตลอดเวลาและให้สเตียรอยด์ อาการทรุดลงต่อเนื่อง

“ผู้ป่วยรายนี้เป็นมะเร็งปอดระยะสุดท้าย ได้รับการรักษาด้วยยาเคมีบำบัด อาการแย่ลง ได้คุยกับญาติและผู้ป่วยเรื่องการให้ยาเพื่อไม่ให้หอบเหนื่อย หายใจลำบาก ยุติความทุกข์ทรมานก่อนเสียชีวิต ญาติและผู้ป่วยเห็นด้วย 3 วันหลังจากที่ได้รับยาแก้ปวดกลุ่มมอร์ฟีนและยานอนหลับหยดช้าๆ ทางหลอดเลือดดำอย่างต่อเนื่อง ผู้ป่วยหลับและในที่สุดจากไปอย่างสงบ”..

ขอบคุณภาพและข้อมูลจาก @หมอมนูญ ลีเชวงวงศ์ FC