แฮมเบอร์เกอร์และฮอตด็อกต่างเป็นอาหารฟาสต์ฟูดและมีภาพลักษณ์ที่อยู่ตรงข้ามกลุ่มอาหารเพื่อสุขภาพ ขณะเดียวกันก็มีหลายคนข้องใจระหว่างอาหารสองอย่างนี้ อะไรมีประโยชน์ต่อสุขภาพของคนกินได้มากกว่า

เบน ชัฟฟ์ นักโภชนาการผู้เชี่ยวชาญและผู้อำนวยการด้านธรรมชาติบำบัดและโภชนาการของศูนย์ดูแลสุขภาพ BIÂN Chicago ชี้ว่า ทั้งแฮมเบอร์เกอร์และฮอตด็อกเป็นอาหารที่มีแคลอรีสูงลิ่วพร้อมกับไขมันอิ่มตัวสูงกว่าอาหารอื่นหรือเมนูที่ทำจากเนื้อประเภทอื่น ๆ 

ขณะเดียวกัน เมลิสซา วาสเซอร์แมน เบเคอร์ นักโภชนาการชาวนิวยอร์กจากเว็บไซต์ Food Queries ก็ยอมรับว่าฮอตด็อกและแฮมเบอร์เกอร์ไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีสำหรับอาหารเพื่อสุขภาพ

ถึงอย่างนั้น ผู้เชี่ยวชาญเหล่านี้มองว่า วิธีการปรุงเมนูทั้งสองที่แตกต่างกันไปในแต่ละร้าน รวมทั้งใช้ส่วนผสมและวัตถุดิบที่แตกต่างกันก็จะทำให้มีคุณค่าทางโภชนาการแตกต่างกันได้

วาสเซอร์แมน เบเคอร์ แนะนำว่าให้มองหาแฮมเบอร์เกอร์ที่ทำจากเนื้อบดไร้มันหรือเนื้อไก่งวง ซึ่งมีเปอร์เซ็นต์ไขมันต่ำ ด้านชัฟฟ์ แนะนำให้รับประทานแฮมเบอร์เกอร์จากเนื้อวัวออร์แกนิกแบบไร้มัน ซึ่งจะช่วยลดปริมาณไขมันอิ่มตัวลงได้ เขายังเสริมอีกว่า เนื้อก้อนแช่แข็งสำหรับทำเบอร์เกอร์แบบที่วางขายในซูเปอร์มาร์เก็ตยังมีปริมาณโซเดียมสูง รวมทั้งใส่สารปรุงแต่งกลิ่นหรือสารกันบูดเข้าไปด้วย โดยเฉพาะเนื้อที่ปรุงรสมาแล้ว 

สำหรับเมนูฮอตด็อกนั้น วาสเซอร์แมน เบเคอร์ ชี้ว่าปกติ ไส้กรอกก็มีปริมาณโซเดียมและไขมันอิ่มตัวสูงอยู่แล้ว ซึ่งทั้งสองอย่างนี้มีผลเสียต่อสุขภาพ เวลาเลือกซื้อก็ควรเลือกไส้กรอกแบบไม่มีสารไนไตรท์และไม่ใส่ดินประสิว  ขณะที่ ชัฟฟ์ เสริมว่าควรเลือกไส้กรอกแบบโซเดียมต่ำ

เมื่อนำมาเทียบกันแล้วในภาพรวมแล้ว ผู้เชี่ยวชาญทั้งสองมองว่า แฮมเบอร์เกอร์ เป็นตัวเลือกที่ดีกว่าสำหรับคนรักสุขภาพ เพราะมีทั้งเนื้อและผักในปริมาณมากกว่า ยิ่งถ้าเลือกเบอร์เกอร์แบบที่ใช้เนื้อบดไร้มัน ก็จะเป็นเมนูที่มีสมดุลของสารอาหารประเภทโปรตีน, ไขมันที่มีประโยชน์และสารอาหารจำเป็นอื่น ๆ มากกว่าฮอตด็อก

ชัฟฟ์ ชี้ว่า ถ้าหากทำแฮมเบอร์เกอร์โดยใช้เนื้อบดไร้มัน เฉพาะส่วนที่เป็นเนื้อก็นับว่าให้โปรตีนได้มากสำหรับร่างกาย รวมทั้งสารอาหารจำพวกเหล็กและสารอาหารประเภทอื่น ๆ อีก แต่ก็มีข้อควรระวังคือแคลอรี่และปริมาณไขมันอิ่มตัวที่สูงกว่าฮอตด็อก

ชัฟฟ์ กล่าวถึเมนูฮอตด็อกว่า ตามปกติแล้วถือว่ามีแคลอรีและไขมันต่ำกว่าแฮมเบอร์เกอร์ แต่ข้อเสียปรียบคือมีปริมาณโซเดียมที่สูงกว่า นอกจากนี้ยังมีปริมาณสารปรุงแต่งและสารถนอมอาหารต่างๆ ในไส้กรอกมากกว่า เพราะตัวไส้กรอกเองก็คือว่าเป็น Ultra-processed food หรืออาหารแปรรูปขั้นสูงสุดที่จะมีการใส่สารปรุงแต่งเข้าไปหลายชนิด ซึ่งในแง่ของผู้รักสุขภาพแล้ว เป็นอาหารที่ควรหลีกเลี่ยง เพราะไปเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคหัวใจ, โรคความดันโลหิตสูงและโรคสมองขาดเลือดเฉียบพลัน 

หากนำมาเทียบกันแบบตัวต่อตัว ชัฟฟ์ ระบุว่าแฮมเบอร์เกอร์มีตัวเลือกส่วนที่เป็นเนื้อหรือโปรตีนที่หลากหลายกว่าที่จะทำให้เมนูนี้กลายเป็นอาหารเพื่อสุขภาพได้ ขณะที่ฮอตด็อกกลับมีตัวเลือกไส้กรอกที่ไม่มากเท่าไหร่ อีกทั้งยังเป็นแหล่งโปรตีนที่มีคุณภาพไม่ดีเท่าเนื้อในแฮมเบอร์เกอร์

นอกจากนี้ ในยุคนี้ยังมีตัวเลือกที่ดีต่อสุขภาพของทั้งสองเมนู นั่นก็คือการข้ามไปหาแฮมเบอร์เกอร์หรือฮอตด็อกที่เป็นแบบมังสวิรัติหรือแพลนต์-เบส ชัฟฟ์ ชี้ว่า ตัวเลือกแบบมังสวิรัตินั้นมีดีตรงที่มีแคลอรีต่ำ มีไฟเบอร์จากผักเยอะกว่า ซึ่งเป็นสิ่งที่ขาดหายไปจากเมนูทั้งสองแบบดั้งเดิม

อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญทั้งสองก็เห็นพ้องกันว่าการกินฮอตด็อกหรือแฮมเบอร์เกอร์เป็นครั้งคราวนั้นดีกว่าการกินทั้งสองเมนูนี้เป็นประจำ และถ้าพิจารณาเลือกปริมาณต่อมื้อให้เหมาะสม รวมถึงวัตถุดิบที่ดีต่อสุขภาพก็จะทำให้อาหารทั้งสองอย่างนี้มีประโยชน์ต่อสุขภาพร่างกายได้มากขึ้น

ที่มา : foxnews.com

เครดิตภาพ : GETTY IMAGES