ทุกวันนี้ คนไทยไม่ใช่แค่ต้องเผชิญกับการรุกคืบของ “ดิจิทัล” ที่แทรกซึมเข้ามาในชีวิตประจำวันและชีวิตการทำงานเท่านั้น หากแต่เรายังอยู่ท่ามกลางกับสิ่งที่ทำให้เกิด “บิ๊กแบง” นำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่จากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่ส่งผลกระทบไปทั่วโลก ซัดซ้ำให้ชีวิตต้องดำเนินต่อไปกับยุคที่เรียกได้ว่าเป็น ดับเบิ้ลดิสรัปชั่น (Double Disruption) พฤติกรรมการใช้ชีวิตเดิมๆ ถูกแทนที่อย่างฉับพลันทันทีด้วย “ชีวิตวิถีใหม่” (New Normal) ที่พึ่งพา “ออนไลน์” มากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็น การทำธุรกรรมทางการเงิน การทำงานแบบ Work From Home การเรียนออนไลน์ หรือแม้แต่กระทั่งการซื้อสินค้าเพื่อใช้อุปโภคบริโภค และไม่ใช่แค่ “คนไทย” เท่านั้นที่ต้องปรับตัว แต่แบรนด์ต่างๆ ก็พยายามอย่างเต็มที่ที่จะสร้างและแสวงหาช่องทางการเข้าถึง “ลูกค้า” ให้ได้ไวและครอบคลุมที่สุด

เรายิ่งเห็นได้อย่างชัดเจนมากยิ่งขึ้น ในวันที่โควิดเข้ามาแผลงอิทธิฤทธิ์ทำให้เศรษฐกิจชะลอตัว 2 ปี ที่ผ่านมา พฤติกรรมการใช้ชีวิตของคนไทยและธุรกิจต่างๆ เปลี่ยนไปจากเดิม ผลพวงการล็อกดาวน์ทำให้คนทำมาหากินไปจนกระทั่งถึงแบรนด์ใหญ่ต่างหาลู่ทางใหม่ๆ ในการขับเคลื่อนธุรกิจโดยอาศัยช่องทางทรงพลังอย่าง “ออนไลน์” มากยิ่งขึ้น สอดคล้องกับผู้บริโภคที่คุ้นชินกับการสั่งและซื้อสินค้าผ่านทางออนไลน์ เพราะสะดวก ง่าย รวดเร็ว สามารถทำทุกอย่างผ่านมือถือ โดยจากข้อมูลของ Thailand Digital Outlook ระยะที่ 3 ที่สำรวจระหว่างเดือนมิถุนายน – กรกฎาคม 2564 พบว่า คนไทยซื้อของออนไลน์เพิ่มขึ้น 76.6% จากปีก่อนอยู่ที่ 37.7% ยิ่งเป็นการชี้ชัดให้เห็นว่าช่องทางออนไลน์ จากเดิมที่เป็นทางเลือกกลับกลายเป็น “ทางหลัก” โดยอีกหนึ่งช่องทางมีมาแรงและได้รับความนิยมอย่างก้าวกระโดดจากทั้งผู้ซื้อและผู้ขาย นั่นคือ อีคอมเมิร์ซ (E-Commerce) ทั้งนี้จากข้อมูลของ KKP Research โดยกลุ่มการเงินเกียรนาคินภัทร นำเสนอข้อมูลที่น่าสนใจไว้ว่า อีคอมเมิร์ซในปี 2563 ที่ผ่านมา ขยายตัวสูงถึงกว่า 80% โดยในส่วนของปี 2564 ได้คาดการณ์ว่าหลังโควิด-19 จะขยายตัวเฉลี่ย 20% ต่อปีตลอดช่วง 5 ปีข้างหน้า และจะเพิ่มขึ้นจากระดับ 3 แสนล้านบาท เป็น 7.5 แสนล้านบาทในปี 2568 หรือคิดเป็น 16% ของตลาดค้าปลีกรวม

เหนือสิ่งอื่นใด การจะประสบความสำเร็จทางช่องทางออนไลน์ต้องอาศัยปัจจัยหลายอย่าง หนึ่งในนั้นคือ การมองหา “พาร์ทเนอร์” ที่มีความชำนาญเพื่อเป็นกำลังสำคัญในการติดอาวุธในสมรภูมิการค้า โดย ช้อปปี้ (Shopee) ผู้นำแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และไต้หวัน ถือพันธมิตรอีคอมเมิร์ซที่สำคัญที่ได้รับความไว้วางใจจากแบรนด์ชั้นนำมากมาย ด้วยความโดดเด่นของ E-commerce Ecosystem ที่ครบวงจรและสมบูรณ์แบบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับ Shopee Mall ที่นอกจากจะเป็นศูนย์การค้าออนไลน์ขนาดใหญ่ที่เป็นที่ยอมรับในหมู่ผู้บริโภคแล้ว Shope Mall ยังเพียบพร้อมด้วยเครื่องมือทางการตลาดที่ทันสมัย มีฐานข้อมูลเชิงลึก (Insight) ซึ่งช่วยให้แบรนด์สามารถวางแผนและกำหนดกลยุทธ์ในการสร้างการรับรู้ ออกแบบกิจกรรมที่หลากหลายตามไลฟ์สไตล์ของกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย สร้างปฏิสัมพันธ์ในระยาวผ่าน Loyalty program หรือนำเสนอ Loyalty privilege ต่างๆ เพื่อเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างลูกค้าและแบรนด์ได้แบบไร้รอยต่อ รวมไปถึงการส่งมอบ Personalized Experience ให้กับลูกค้า นอกจากนี้ยังมีแคมเปญการตลาดและส่งเสริมการขายตลอดทั้งปี ซึ่งทั้งหมดนี้ล้วนมีผลต่อทั้งการซื้อซ้ำหรือซื้ออย่างต่อเนื่องของกลุ่มลูกค้าเก่า และยังสามารถสร้างยอดขายเพิ่มเติมจากการขยายฐานไปยังกลุ่มลูกค้าใหม่ (Prospect) ได้อีกด้วย

เพื่อเห็นภาพที่ชัดเจนยิ่งขึ้น ช้อปปี้ ได้นำเสนอตัวอย่างความสำเร็จจาก 4 แบรนด์ชั้นนำ ที่สามารถทำยอดขายและยอดติดตามร้านค้าอย่างเป็นทางการบน Shopee Mall ที่พร้อมเปิดเผยกลเม็ดและทีเด็ดทางธุรกิจเพื่อพิชิตเป้าหมายด้วยอีคอมเมิร์ซ

เริ่มต้นที่ ยูนิลีเวอร์ (Unilever) ยักษ์ใหญ่แห่งอุตสาหกรรมอุปโภคบริโภค ที่มีสินค้าในกลุ่ม FMCG ซึ่งเป็นตลาดที่มีความผันผวนและเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ปรับแผนลุยออนไลน์อย่างเต็มขั้น โดย นายโรเบิร์ต แคนเดลิโน ประธานกรรมการบริหาร กลุ่มบริษัท ยูนิลีเวอร์ ประเทศไทย และภาคพื้นอาเซียน ได้เปิดเผยว่า “เพื่อให้บรรลุจุดมุ่งหมายสำคัญที่จะนำมาพาแบรนด์เข้าถึงผู้บริโภคในทุกๆ ที่ และส่งมอบประสบการณ์การช้อปปิ้งและบริการที่เหนือระดับให้กับผู้บริโภคได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ยูนิลีเวอร์เล็งเห็นถึงศักยภาพของอีคอมเมิร์ซแพลตฟอร์มที่จะสามารถเข้ามาเป็นช่องทางหลักในการเข้าถึงสินค้าที่จำเป็นในชีวิตประจำวัน จึงได้เดินหน้าแผนงานโดยเริ่มนำสินค้าเข้ามาวางขายบน Shopee Mall และทำงานร่วมกับช้อปปี้อย่างใกล้ชิด เพื่อร่วมกันสร้างสรรค์ประสบการณ์การช้อปปิ้งออนไลน์ที่แปลกใหม่และทันสมัย”

“เราสามารถกล่าวได้ว่าเต็มภาคภูมิว่า ยูนิลีเวอร์ เป็นแบรนด์แรกที่กล้าและเริ่มบุกเบิกการทำแคมเปญการตลาดในรูปแบบ Collaboration โดยเริ่มต้นด้วยแคมเปญ Unilever x Shopee Super Brand Day ซึ่งเป็นครั้งแรกบน Shopee Mall ในปี 2561 โดยได้กระแสตอบรับที่ดีเกินเป้าหมายด้วยยอดขายที่พุ่งขึ้นสูงกว่า 250 เท่า เมื่อเทียบกับช่วงเวลาปกติ จากความสำเร็จในครั้งนั้น ทำให้เราได้เพิ่มกำลังในการทำกลยุทธ์บนอีคอมเมิร์ซอย่างต่อเนื่องและเข้มข้นมากยิ่งขึ้น จวบจนถึงปัจจุบันที่ภาคธุรกิจต้องเผชิญกับสถานการณ์โรคระบาด ยูนิลีเวอร์ ยังคงเป็นแบรนด์ชั้นนำที่สามารถเข้าถึงและส่งมอบผลิตภัณฑ์ที่จำเป็นในชีวิตประจำวันทั้งผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวพรรณ และอาหาร ให้ถึงมือผู้บริโภคได้อย่างง่ายดาย สะดวกสบาย และปลอดภัย ในทุกที่ทุกเวลา ซึ่งตอกย้ำต่อเป้าหมายหลักของยูนิลีเวอร์ ที่ต้องการอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้บริโภคชาวไทยในทุกๆ ด้าน เราจึงได้ใช้ประโยชน์จากระบบดิจิทัลในการเพิ่มขีดความสามารถ พร้อมเดินหน้าตามพันธกิจที่ต้องการส่งมอบผลิตภัณฑ์ แบรนด์ และบริการชั้นนำ ที่จะสามารถช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของเหล่าผู้บริโภคได้ในทุกๆ วัน”

อีกหนึ่งแบรนด์ที่ปรับตัวไวและพร้อมเปิดมุมมองการตลาดแบบ 360 องศา และยกระดับอุตสาหกรรมเฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งบ้านสู่อีกขั้น นั่นคือ อินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์ (Index Living Mall) นำโดย นายเอกฤทธิ์ ปัทมสัตยาสนธิ รองกรรมการผู้จัดการ สายบริหารธุรกิจออนไลน์ บริษัท อินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์ จำกัด (มหาชน) บอกเล่าเรื่องราวการนำพาสินค้าที่มีมูลค่าสูงสู่สมรภูมิอีคอมเมิร์ซให้ฟังว่า “เรามองว่า แพลตฟอร์มนี้เปรียบเสมือนห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ที่นอกจากจะเป็นศูนย์กลางรวบรวมสินค้าทั่วประเทศมาไว้ในจุดเดียวกันแล้ว ยังเป็นศูนย์รวมเหล่านักช้อปที่กว้างขวางอีกด้วย โดยตั้งแต่ที่เราได้เข้ามาเปิดร้านออฟฟิเชียลสโตร์บน Shopee Mall สามารถเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงผู้บริโภคได้อย่างกว้างขวาง ครอบคลุมทั่วประเทศมากยิ่งขึ้น และทำให้ผู้บริโภคกล้าที่จะซื้อสินค้าที่ต้องใช้ข้อมูลในการตัดสินใจซื้อสูง (High Involvement) ผ่านช่องทางออนไลน์มากขึ้นจากการที่ Shopee Mall สามารถการันตีผู้ใช้งานว่าจะได้รับสินค้าแท้ 100% จากแบรนด์ดัง ส่งผลให้ผู้ใช้งานเชื่อมั่น ในสินค้าและบริการของเรา”

“และจากการทำงานร่วมกันกับ ช้อปปี้ เรายังได้นำ Data และ Insights มาปรับรูปแบบการตลาดให้ตอบโจทย์ Personalized Marketing เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคแต่ละคนมากที่สุด รวมไปถึงการใช้เครื่องมือทางการตลาดที่ออกแบบมาให้สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์และอยู่ในความสนใจของผู้บริโภค อาทิ Shopee Live, Shopee Feed, และ Shopee Games ที่ช่วยปรับเปลี่ยนรูปแบบการช้อปปิ้งออนไลน์จากเดิมที่ เข้ามาซื้อขายแล้วออกไป มาเป็นประสบการณ์การเชื่อมต่อแบบไร้ขีดจำกัดระหว่างแบรนด์และผู้บริโภค จนสามารถช่วยผลักดันให้ Index Living Mall สามารถจับกับกระแสการเติบโตบนโลกออนไลน์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยยอดขาย ที่พุ่งสูงกว่าเดิมถึง 2 เท่า ในช่วงต้นปี 2564 ที่ผ่านมา”

ต่อด้วยเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านโลคอลแบรนด์อย่าง SMARTHOME ที่นาทีนี้ไม่มีใครไม่รู้จัก ซึ่งนับว่าเป็นหนึ่งในโลคอลแบรนด์ที่ฉายแสงและเติบโตอย่างมากในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา โดย นายธวัช มานะวงศ์ กรรมการบริหาร บริษัท สเต็ป ฟอร์เวิร์ด กรุ๊ป จำกัด ผู้นำเข้าและจัดจำหน่าย SMARTHOME แบรนด์เครื่องใช้ไฟฟ้าที่ตอบสนองรูปแบบชีวิตแนวใหม่ กล่าวถึงการเข้ามาทำตลาดและใช้ช่องทางอีคอมเมิร์ซในการสร้างแบรนด์ว่า “จุดขายที่สำคัญของ SMARTHOME ที่แตกต่างจากแบรนด์อื่นๆ ในตลาดก็คือ การเน้นย้ำเรื่องสินค้าที่มีคุณภาพ ที่มาพร้อมกับราคาที่จับต้องได้ และการรับประกันสินค้าถึง 3 ปี ซึ่งนับเป็น pain point สำคัญในการตัดสินใจซื้อของลูกค้าจำนวนมาก ไม่เพียงเท่านี้สินค้าของแบรนด์ SMARTHOME ยังโดดเด่นด้วยดีไซน์ซึ่งนับเป็นมูลค่าเพิ่มในฐานะเฟอร์นิเจอร์ชิ้นหนึ่งภายในบ้าน และเทคโนโลยีที่ทันสมัยที่ทันต่อความต้องการ ให้ลูกค้าสามารถใช้ชีวิตได้ง่ายยิ่งขึ้น และด้วยจิตวิญญาณความกล้าของเราไม่ว่าจะเป็นทีมผู้บริหารไปจนถึงพนักงานทุกคน เราจึงไม่หยุดที่จะพัฒนาและต่อยอดผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ รวมไปถึงการพัฒนาช่องทางการขายให้สอดคล้องกับเทรนด์ของผู้บริโภคอยู่เสมอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับช่องทางออนไลน์”

“โดย Shopee Mall ถือเป็นแพลตฟอร์มแรกที่ SMARTHOME ได้เริ่มมาทำตลาดออนไลน์อย่างจริงจังเมื่อประมาณ 4 ปีก่อน ซึ่งในขณะนั้นช่องทางออนไลน์ถือเป็นอะไรที่ใหม่มากสำหรับผู้บริโภคชาวไทย แต่ด้วยการสนับสนุนเป็นอย่างดีจากทีมงานช้อปปี้ที่มีความรู้ความชำนาญ จึงทำให้ SMARTHOME เป็นที่รู้จักและสามารถเติบโตด้านยอดขายได้อย่างก้าวกระโดด และยิ่งในช่วงสถานการณ์โรคระบาดในช่วง 2 ปีมานี้ ทำให้ช่องทางการขายออนไลน์กลายเป็นช่องทางที่คนเข้าถึงสินค้าของเรามากขึ้น การได้เข้ามามีหน้าร้านบน Shopee Mall เป็นส่วนสำคัญในการสร้างยอดขาย และสร้างชื่อเสียงของแบรนด์ให้เป็นที่รู้จักและยอมรับในวงกว้างมากขึ้น โดยเฉพาะการสร้างแคมเปญที่แปลกใหม่ และการนำเสนอสินค้าแบบเอ็กซ์คลูซีฟ โดยเปิดตัวและจำหน่ายสินค้าโมเดลเอ็กซ์คลูซีฟที่มีจำหน่ายเฉพาะที่ Shopee Mall เท่านั้น ซึ่งช่วยสร้างกระแสความนิยมในสินค้าของเราได้เป็นอย่างดี และเกิดเป็นเทรนด์ที่คนให้ความสนใจอย่าง สินค้าในกลุ่มหม้อทอดไร้น้ำมัน ที่เรามีมากกว่า 10 รุ่นที่ขายบน Shopee Mall เท่านั้น ทั้งนี้ในแง่ของยอดขายในปัจจุบันเรามีสัดส่วนยอดขายสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์คิดเป็น 50% ของยอดขายบริษัททั้งหมด โดยหนึ่งในปัจจัยสู่ความสำเร็จนี้ส่วนหนึ่งมาจากความร่วมมือที่มีความเชี่ยวชาญในอีคอมเมิร์ซแพลตฟอร์มอย่างช้อปปี้ บน Shopee Mall”

ปิดท้ายด้วยแบรนด์ชั้นนำของอุตสาหกรรมเฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งบ้านในเมืองไทยอย่างเอสบี โดย นางธัญญรักข์ ชวาลดิฐ กรรมการบริหาร กลุ่มบริษัท เอสบี เฟอร์นิเจอร์ ได้ให้มุมมองต่อการเข้ามาเป็นพันธมิตรกับ Shopee Mall ว่า “เราถือเป็นหนึ่งองค์กรที่มีความยืดหยุ่นสูงและพร้อมในการปรับเปลี่ยนกลยุทธ์และรูปแบบการดำเนินธุรกิจที่สอดคล้องกับสถานการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้น ทำให้เราสามารถรับมือกับการเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันของพฤติกรรมผู้บริโภคได้อย่างทันท่วงที การที่เราได้พันธมิตรอย่าง ช้อปปี้ ด้วยการเข้ามาเปิดร้านค้าบน Shopee Mall ทำให้เราได้เรียนรู้ถึงความสมบูรณ์และครบวงจรของ E-Commerce Ecosystem ที่ประกอบด้วยปัจจัยที่มีความหลากหลาย ระบบหลังบ้านของช้อปปี้มีความเพียบพร้อมและมีเครื่องมือที่น่าสนใจใหม่ๆ ไม่ว่าจะเป็น Shopee Chat ที่ทำให้แบรนด์สามารถพูดคุย ตอบข้อสงสัย และยังสามารถให้ข้อมูลสินค้าได้ในทันที และยังรวมไปถึงคำแนะนำของทีมงานที่มีความชำนาญ