เมื่อวันที่ 28 พ.ค. ในรายการโหนกระแสทางช่อง 3 ดำเนินรายการโดย “หนุ่ม กรรชัย กำเนิดพลอย” ได้สัมภาษณ์ เคสความสัมพันธ์ของสามี-ภรรยา ที่แต่งงานใช้ชีวิคู่จนมีลูกด้วยกันกว่า 17 ปี แต่ภายหลังฝ่ายภรรยามารู้ตัวว่าโดนหลอกเพราะฝ่ายสามี ไปแต่งงานใหม่กับหญิงสาวอีกคน อีกทั้งยังหลอกเอาเงินของภรรยาและญาติของฝ่ายภรรยาไปกว่า 25 ล้านบาท ภายหลังผู้เสียหายได้เข้าแจ้งความกับทาง สน.วังทองหลาง โดยมี ทนายเจมส์ นิติธร แก้วโต เข้ามาช่วยเหลือดูแลเคสของคดีนี้ด้วย โดย คุณฟ้า (นามสมมุติ) ซึ่งเป็นผู้เสียหาย ได้พา คุณสุ น้องสาวและคุณยุ้ย พี่สะใภ้คุณฟ้า มาร่วมเผยเรื่องราวที่เกิดขึ้นในรายการ

โดยคุณฟ้าเล่าให้ฟังว่า สามีเป็นเพื่อนของเพื่อน รู้จักกันเมื่อปี 50 หลังจากรู้จักกันแล้วคบหากันประมาณ 2 ปีก็แต่งงานกัน ตอนนั้นสามีอยู่กทม. เป็นพนักงานบริษัทบ้านจัดสรร ส่วนตนทำงานอยู่โคราชทำธุรกิจขายส่งทุเรียน ช่วงแรกไม่มีท่าที่จะนอกใจ ช่วงมีลูกด้วยกันสามีทำงาน 1 สัปดาห์ จะกลับมาหาลูกวันเสาร์-อาทิตย์ตลอดไม่เคยขาด ทั้งนี้ตนซื้อบ้านที่ไว้ที่กทม.เพื่อให้สามีอยู่อาศัย และไปอยู่ด้วยกันในช่วงทุเรียนไม่มี จนกระทั่งปี 57 เขามาขอจดทะเบียนหย่า เพราะเกรงว่าจะมีปัญหาเวลาไปทำงานรับเหมา ภรรยาจะได้ไม่ต้องเดือดร้อน ตนก็ยอมจดทะเบียนหย่าให้ปี 58 ทั้งที่ตอนนั้นตั้งครรภ์ได้เพียง 2 เดือน หลังจากนั้นก็มีเรื่องเกี่ยวกับชู้สาวเกิดขึ้น เมื่อมีไลน์เด้งขึ้นมาที่มือถือของน้องสาว ปรากฏเป็นรูปคู่ของสามีกับหญิงสาวคนหนึ่งที่ทำงานในออฟฟิตเดียวกัน ทางสามีบอกว่าไม่มีอะไรเป็นการถ่ายรูปเล่นกันหลายคน มีการโทรหาผู้หญิงที่ถ่ายรูปด้วยโดยเปิดโฟน ฝ่ายหญิงบอกว่า ไม่มีอะไร เป็นเพื่อนร่วมงานเดี๋ยวลบรูปโปรไฟล์ ไม่ต้องคิดมาก จบเรื่องผู้หญิงคนนี้ก็ไม่เคยมีปัญหาอะไรอีก จนกระทั่งในปี 60

คุณฟ้าเล่าต่อว่า เขาทำตัวปกติเหมือนเดิม จนปี 60 สามีอ้างว่าตัวเองไปมีปัญหากับผู้มีอิทธิพล เขาบอกว่าอย่าเข้าไปในบ้าน เพราะจะเป็นอันตราย ให้ปล่อยร้างไปเลย โดยบ้านหลังนั้นซื้อด้วยเงิน 2.5 ล้านเป็นชื่อตน หลังเกิดเหตุเขาห้ามถ่ายรูปกลัวจะมีอันตราย ขนาดไปโรงเรียนลูกที่มีกิจกรรม ทางโรงเรียนถ่ายรูปไว้ สามียังตามไปบอกให้ลบออก เวลาไปเที่ยวกับตนและลูก หรือญาติพี่น้อง ก็ไม่สามารถถ่ายรูปด้วยกันได้ ใช้ชีวิตแบบนี้เรื่อยมา ซึ่งก็ชินกับที่เขาเป็นแบบนี้ จนปี 61 เขาเริ่มชักชวนญาติพี่น้องที่บ้านตน ทำธุรกิจร่วมกัน ตั้งแต่เปิดเต็นท์รถมือสอง เอาเสื้อผ้ามาค้าขายจากจีน ซึ่งไม่มีใครลงทุนด้วย

คุณฟ้า เล่าอีกว่า สามีอ้างว่า บริษัทให้เงินมาลงทุนทำโปรเจกต์ใหญ่ 500-1,000 ล้าน จึงเอาเงินส่วนหนึ่งพาครอบครัวของภรรยาไปเที่ยวญี่ปุ่น มัลดีฟส์ ฮ่องกง เกาหลี สิงคโปร์ มีการออกค่าเครื่องบินและที่พักให้ ส่วนค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ออกกันเอง ขณะท่องเที่ยวฝ่ายสามีจะชักชวนทำธุรกิจทุเรียนส่งออกให้ฝ่ายญาติภรรยาเลือกเนื้อทุเรียน ส่วยฝ่ายสามีดำเนินการเรื่องเอกสาร คลิปปิ้ง หาออเดอร์ ปรากฏว่า ตนลงทุนไป 2.5 ล้าน น้องสุลงทุนไป 12 ล้าน และพี่ยุ้ย ลงทุนไป 11 ล้าน

คุณฟ้าเล่าด้วย การตั้งบริษัท ฝ่ายสามีอ้างว่าไปซื้อ หจก.มาแล้ว เอาหนังสือรับรองมาให้เราดูว่าเป็นชื่อของสามีและตน จากนั้นก็โอนเงินเข้าไป หลักการโอนเงินเขาอ้างว่าการเอาบริษัทไปส่งออกได้ ต้องมีหนังสือค้ำประกันของธนาคาร ต้องมีเงินแช่อยู่ในบัญชี 105 ล้านเป็นระยะเวลา 3 ปี เพื่อได้ส่งทุเรียนส่งออกได้ เหมือนไปนั่งขายทุเรียนเอง ตลาด ร้าน ยี่ห้องของเราเอง แต่สุดท้ายพอครบ 3 ปี ไม่มีเงินปันผลกลับมาสักบาท โดยต้นปี 67 น้องสาวถามว่าทำไมไม่มีเงิน สามีก็อ้างว่าเอกสารยังไม่มา ภายหลังไปตรวจสอบ คัดหนังสือ หจก.มาดู ปรากฏว่าไม่มีชื่อเขา เป็นชื่อใครก็ไม่รู้ ทางนี้ก็ใจดี โลกสวย คิดว่าเขาคงเปลี่ยนเราออกไปหรือเปล่าระหว่างนั้นไปถามเขาก็บอกไม่รู้ ต้องไปถามเจ้านายก่อน

ด้าน ทนายเจมส์ กล่าวเสริมว่า ที่คัดออกมาไม่พบชื่อคุณสุเป็นหุ้นส่วน หลังจากถามเขาไม่ได้คำตอบอะไร จนมี.ค.ก็แล้ว ก็ไม่ได้ตังค์ เม.ย.ก็แล้ว ไม่ได้ตังค์ 2 พ.ค.ที่ผ่านมา ไปคัดหนังสือรับรองตั้งแต่ต้นจนจบว่ามีใครอยู่ในนี้บ้าง ปรากฏว่าไม่มีชื่อเขาตั้งแต่ต้น เอกสารที่เอามาโชว์ปี 63 คือเอกสารปลอม

ด้านหนุ่มกรรชัย สรุปเรื่องราวให้ฟังว่า เคสนี้แตกต่างจากเคสอื่น เหมือนผัวมีการเอาตัวเองมาพัวพันกับผู้หญิงคนนี้ โดยมีแผนตั้งแต่แรก แรกๆ อาจมาด้วยความรักชอบพอกัน แต่หลังคบหากันไป ผมคิดว่าความรู้สึกเขาอาจเปลี่ยนไป แล้วเขาก็เริ่มเปลี่ยนมุมมองกลายเป็นการเอาเปรียบ วางแผนเป็นขั้นตอน สังเกตได้จากการขอหย่า คิดว่าเขาน่าจะมีผู้หญิงอีกคน ไม่ถ่ายรูปด้วยอาจกลัวผู้หญิงอีกคนเห็น ถัดมาเริ่มมีการวางแผนการ อย่างพาทุกคนไปเที่ยว ก่อนไปเที่ยว มีการชวนไปทำเต็นท์รถ ร้านเสื้อผ้า แต่ไม่มีใครเอา เพราะเขาขายผลไม้ หลังจากนั้นวางแผนใหม่ พาไปเที่ยวญี่ปุ่น เกาหลี มัลดีฟส์ ฮ่องกง อิ่มหนำสำราญ และเริ่มวางแผนว่าถ้าอยากมีเงินแบบนี้ เราสามารถส่งออกทุเรียนได้ เขาบอกเมียว่าไปซื้อหจก.นึงมา ใส่ชื่อตัวเองและเมีย มีหลักฐานให้เมียเห็น ออกอุบายต่อว่าการขอใบอนุญาตให้ส่งออกทุเรียนได้ ต้องมีเงินในธนาคาร 105 ล้าน ค้างอยู่ในธนาคาร 3 ปี ไปขอจากญาติพี่น้องฝ่ายหญิง ขายได้เท่าไหร่แบ่งครึ่งเลย มีหลักฐานเป็นสเตทเมนต์ธนาคาร ทำให้มั่นใจ เงินตกอยู่ที่ธนาคาร 75 ล้าน

สุดท้ายภรรยางง ทำไมถอนเงินออกมาไม่ได้ มีการไปเอาหนังสือรับรองเอกสารออกมา ปรากฏว่าไม่มีชื่อผัวและชื่อเธอ แต่หจก. มีอยู่จริง เงินถูกโอนเข้า หจก. จริงๆ แต่หุ้นส่วนเป็นใครก็ไม่รู้ มีการโอนเงินเข้าธนาคาร 2.5 ล้านไปบริษัทแห่งนึง ชื่อบลู… พอเช็กว่าใครเป็นเจ้าของ กลายเป็นเมียเขาอีกคน ผู้หญิงที่ปรากฏอยู่ในรูปกับผัว แล้วเด้งมาในไลน์ของคุณ?

ทนายเจมส์ กล่าวเสริมด้วยว่า หลังจากมีการแจ้งความ ฝ่ายคุณฟ้าเข้าไปดูบ้านที่เขาห้ามเข้าไป ทำให้พบกับกระเป๋าเดินทางที่มีหมายเลขเที่ยวบิน บินไปญี่ปุ่น ซึ่งเป็นเที่ยวบินที่ผู้ชายบินไปพร้อมกับครอบครัวและผู้หญิงคนนั้น พออยู่กับครอบครัว 1 วัน ก็หายไป 3 วัน อ้างว่าติดงาน ไปทำงานที่ญี่ปุ่น ทำให้เพิ่งรู้ว่าผู้หญิงที่ตัวเองโอนเงินให้ไป 2.5 ล้านนั้น เป็นภรรยาใหม่ เปิดบริษัทมาค้าขายกันเอง ซึ่งเป็นการปลอมแปลงเอกสารขึ้นมาเพื่อฉ้อโกง

หนุ่มกรรชัย เผยว่า โคตรสุด ขึ้นเครื่องบินลำเดียวกัน พร้อมกัน ไฟลต์เดียวกัน ธรรมดาแล้วคนมีบริษัทจะทราบกันดีว่าต้องมีที่ตั้งบริษัท ว่าอยู่ที่ไหน แต่ปรากฏว่าที่ตั้งบริษัทผัวคุณฟ้ากับผู้หญิงอีกคน อยู่ที่บ้านคุณฟ้าเอง มันกล้าขนาดนี้เลยเหรอ ทำให้คุณฟ้าระบุว่า “…ติดต่อไม่ได้เลยค่ะ ตั้งแต่เริ่มแจ้งความ…” หนุ่มกรรชัยจึงถามว่าสรุปแล้วโดนไปคนละเท่าไหร

คุณสุ “….เยอะมากค่ะ 40 ล้านได้ค่ะ คนเดียวค่ะ เขายืมยิบย่อยค่ะ แต่พี่หนูน่าจะโดนเยอะ 70 ล้านได้มั้งคะ…” ทำให้คุณฟ้าเล่าเสริมว่า ตอนมายืมเงิน 5 แสน ไม่มีเงินสด เห็นเขาเหมือนเครียด ก็ถอดต่างหูให้ไปจำนำเลย (ร้องไห้)

ทนายเจมส์ ได้ให้ความเห็นในการช่วยเหลือเคสนี้ว่า เบื้องต้น ตนจะทำหนังสือสอบถามผู้หญิงเอง ถ้ารอตร.น่าจะนาน ตอนนี้ก็คงทำหนังสือไปที่บริษัท ไปสอบถามว่าเงิน 2.5 ล้านที่รับไปคืออะไร และจะไปไล่ดูว่าหจก.นี้ตั้งที่ไหน รู้จักสามีเขาหรือเปล่า แล้วใครเอาเงินออกไป ส่วนค่าทุเรียน มีทนายสมาคมทุเรียนทำหนังสือสอบถามบริษัทที่รับทุเรียนไป เขาออกหนังสือไปสอบถาม แต่ยังไม่รู้ผลเป็นยังไง ผมยังยุให้ไปบริษัทที่ราชบุรี ว่าคุณเอาทุเรียนไปแล้วจ่ายตังค์ให้ใคร นอกจากนี้ยังจะไปไล่ดูว่า เขาเป็นพนักงานบริษัทไหน อาจไปเจอที่บริษัทก็ได้ อาจได้รู้ความจริง เป็นการกดดันอย่างนึง เผื่อเขาสำนึกได้ หรือคนรอบข้างไปเตือนเขาหน่อยว่าทำไม่ถูก หรือบริษัทที่ตั้งขึ้นมา มันก็ผิดระเบียบบริษัท เห็นว่าเขาย้ายบ้านแล้วซื้อบ้านใหม่ด้วย อยู่ใกล้กับบ้านเก่า

หนุ่มกรรชัย กล่าวปิดท้ายรายการว่า สู้ติดแน่ แพ้ติดนาน ฉะนั้นเคลียร์เงินเขาซะ เอาเงินมาคืน คุณจะอยู่กับเมียใหม่ก็ไปอยู่ เขาขอเงินคืนจะได้จบ ๆ กันไป แต่ถ้าไม่คืนเงิน เขาเอาติดคุกแน่นอน การที่คุณบอกจะไปจ้างทนายความ ย้อนถามคุณก่อน เงินที่จ้างทนายเงินของใคร เงินเมียคุณ น้องเมียคุณ พี่สะใภ้คุณหรือเปล่า.

ขอบคุณรายการ โหนกระแส