เมื่อวันที่ 28 พ.ค. นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) เปิดเผยว่า กรณีที่ประชาชนมีความกังวลและเข้าใจคลาดเคลื่อนในเรื่องมาตรการตรวจสอบซิมการ์ดที่ผูกกับโมบายแบงก์กิ้งนั้น เพื่อป้องกันความสับสนและมีความเข้าใจในมาตรการดังกล่าว กระทรวงดีอีและหน่วยงานพันธมิตรขอชี้แจงว่า การตรวจสอบรายชื่อลงทะเบียนใช้งานหมายเลขโทรศัพท์ที่ผูกกับบัญชีธนาคาร โมบายแบงก์กิ้ง จำนวน 106 ล้านหมายเลข เริ่มตั้งแต่วันที่ 27 พ.ค. และจะใช้เวลาตรวจสอบ 120 วัน คาดว่าจะแล้วเสร็จในเดือน ต.ค. ซึ่งประชาชนทั่วไปสามารถตรวจผ่าน *179*กดเลขบัตรประจำตัวประชาชน 13 หลัก กด # กดโทรออก โดยหากพบว่ารายชื่อไม่ตรงกับโมบายแบงก์กิ้ง สามารถแสดงหลักฐานเพื่อยืนยันตัวตนผ่านศูนย์บริการของเครือข่ายโทรศัพท์มือถือที่ใช้งานอยู่

ทั้งนี้ยกเว้นกลุ่มประชาชน ใน 4 กลุ่ม ได้แก่ 1. บุคคลในครอบครัว 2. ผู้อนุบาลตามคำสั่งศาล 3. นิติบุคคล 4. และอื่นๆ ที่ธนาคารเห็นว่ามีเหตุอันควรในการใช้ชื่อไม่ตรงกันกับบัญชี ซึ่งกลุ่มนี้ธนาคารจะมีการแจ้งเตือนการยืนยันตัวตน ผ่านระบบโมบายแบงก์กิ้งของแต่ละบัญชีเท่านั้น โดยไม่มีการแจ้งเตือนผ่านการส่งข้อความเอสเอ็มเอสปกติ

นอกจากนี้ได้กำหนดมาตรการและเงื่อนไขการเปิดบัญชีใหม่เพื่อป้องกันการนำไปกระทำความผิดโดยเพิ่มกระบวนการพิสูจน์ทราบข้อเท็จจริง (ซีดีดี) โดยเฉพาะกลุ่มที่มีความเสี่ยง ธนาคารต้องตรวจสอบให้เคร่งครัดมากขึ้น ก่อนอนุมัติเปิดบัญชี โดยทาง ธปท.จะมีการออกประกาศภายในเดือน มิ.ย. 67 ซึ่งปัจจุบันบางธนาคารได้มีการดำเนินการแล้ว

“ขอให้ประชาชนอย่ากังวล หรือตื่นตระหนกต่อกรณีดังกล่าว โดย กระทรวงดีอี, ปปง., กสทช., สมาคมธนาคารและผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ มีความจริงจังต่อการดำเนินการตามมาตรการนี้ ซึ่งเป็นการตัดตอนวงจรการกระทำความผิดของมิจฉาชีพ โดยมีเป้าหมายเพื่อปกป้องความปลอดภัยของประชาชน และขอยืนยันว่ามาตรการนี้จะไม่มีผลกระทบต่อประชาชนอย่างแน่นอน” นายประเสริฐ กล่าว