โทชิฮิโระ นาโกชิ (Toshihiro Nagoshi) ผู้ให้กำเนิดแฟรนไชส์เกม Yakuza (Like a Dragon) ได้ออกมาเปิดเผยเบื้องหลังการสร้างเกมครั้งแรกของเขาผ่านรายการ Weekly Ochiai ในญี่ปุ่น ว่าเขาถูกทาง SEGA ‘ปฏิเสธด้วยปากเปล่า’ หลังจากที่พวกเขาพิจารณาว่าไอเดียการสร้างเกมนี้ ไม่น่าจะตอบโจทย์และดึงดูดผู้เล่น!

แม้ว่าในปัจจุบัน แฟรนไชส์เกมนี้จะมีภาคแยก รวมถึงสปินออฟออกมาถึง 23 เกมแล้ว นับตั้งแต่ปี 2005 จนถึงปัจจุบัน แต่ในอดีต มันเป็นเรื่องที่ยากลำบากมากสำหรับนาโกชิ ในการที่จะทำให้โปรเจกต์เกมของเขาได้รับการอนุมัติจากทาง SEGA โดยเขาต้องใช้ความพยายามทั้งหมดที่เขามี ให้ทางผู้บริหารเข้าใจถึงการเปลี่ยนแปลงในการสร้างเกมแนวใหม่ขึ้นมา

ในอีกมุมหนึ่ง มันเป็นช่วงเวลาที่ยากลำบากของทาง SEGA เพราะพวกเขาต้องพบเจอกับทั้งการเปลี่ยนแปลงของอุตสาหกรรมเกมในโซนยุโรปและอเมริกา รวมถึงการเปลี่ยนผ่านจากตู้เกมอาร์เคด สู่การทำเกมลงบนคอนโซล ทั้งสองปัจจัยนี้ทำให้ทางค่ายต้องประสบปัญหาการทำเกมดัง ๆ ออกมาตีตลาดโลกอย่างจริงจัง ทำให้พวกเขาไม่กล้าที่จะลงทุนกับไอเดียของนาโกชิเลย

แต่สุดท้าย นาโกชิก็ใช้วิธีการ ‘ตื๊อ’ และเอาเรื่องราวที่เขาไปค้นพบเกี่ยวกับวัฒนธรรมโลกใต้ดินของญี่ปุ่นมาขายได้สำเร็จ ทำให้สุดท้าย ทางผู้บริหารของ SEGA ก็ได้ตัดสินใจอนุมัติให้เขาได้สร้างเกมดั่งที่ใจหวัง

นาโกชิ ได้อธิบายในรายการ Weekly Ochiai เกี่ยวกับสิ่งนี้ไว้ว่า “สิ่งนี้ (การสร้างเกมแบบใหม่) คือการเปลี่ยนความคิดในการสร้างเกมที่ตอบโจทย์ผู้คน มันคือเกมที่จะสามารถขายได้ทุกที่ กับทุกคน โปรดิวเซอร์หลายคน รวมถึงผมเองก็คิดกันแบบนี้”

“แต่ความคิดแบบนี้ ไม่ใช่หนทางสู่คำตอบ ผมเห็นว่าไอเดียเกมหลายอย่างถูกปัดทิ้งไป แล้วทางผู้บริหารก็ต้องการให้ปรับเปลี่ยนตามที่พวกเขาสั่ง นี่คือจุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้ผมอยากเริ่มทุกอย่างขึ้น!”

“ไอเดียเกมของผม (Yakuza) ถูกปฏิเสธแบบปากเปล่าไปในครั้งแรก อย่างไรก็ดี แนวคิดการทำเกมมันก็เริ่มขัดกับสิ่งที่ผมตั้งใจให้เป็นเกี่ยวกับการสร้างเกมให้ทุกคนเล่นได้ เพราะเด็ก ๆ จะเล่นเกมนี้ไม่ได้ แถมยังไม่ตอบโจทย์เกมเมอร์หญิงหรือชาวต่างชาติเลย ด้วยปัจจัยนี้ มันก็ไม่มีทางที่โปรเจกต์จะได้ไปต่ออย่างแน่นอน”

แต่ด้วยปัจจัยทั้งหมดนี้ นาโกชิยังคงมองถึง ‘ความสำเร็จจากตัวตนที่ชัดเจนของเกม’ ที่เขาต้องพิสูจน์ให้ SEGA เห็น จนเขาได้พยายามนำเสนอไอเดียการสร้างเกม Yakuza ขึ้นมาถึง 3 ครั้ง ก่อนจะได้รับการอนุมัติในท้ายที่สุด

อีกอุปสรรคสำคัญที่นาโกชิต้องเจอในการสร้างเกม ก็คือการอธิบายถึงวิสัยทัศน์ของเกมให้กับทีมผู้พัฒนา เพราะเกมจะมีเนื้อหาด้านความรุนแรงประกอบด้วย แต่นาโกชิก็ยืนยันว่าเขาอยากสร้างเกมที่ผู้คนจะเข้าใจถึง ‘การมีชีวิตรอดในแต่ละวัน’ โดยเขาเน้นย้ำสิ่งนี้กับทีมงานทุกคนเป็นพิเศษ

หลังจากได้ทดลองสร้างเกมและเปิดตัวอย่างเป็นทางการในเดือนธันวาคม 2005 ที่ญี่ปุ่น Yakuza ก็ได้รับคำชื่นชมในด้านการผสมผสานระหว่างการนำเรื่องกลุ่มอาชญากรรมใต้ดินในตำนานของญี่ปุ่น มาผสมผสานกับเกมเพลย์ที่มีความเป็นภาพยนตร์ รวมถึงการนำมินิเกมต่าง ๆ มาช่วย ‘ตัดความรุนแรงของเกม’ ก็ทำให้เกมนี้เริ่มเป็นที่สนใจมากขึ้นทั้งในญี่ปุ่นและทั่วโลกในเวลาถัดมา

ในปัจจุบัน เกม Yakuza หรือที่รู้จักในชื่อ Ryu Ga Gotuku ในเวอร์ชั่นญี่ปุ่น และชื่อ Like a Dragon เป็นหนึ่งในเกมที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดของทางค่าย SEGA โดยในภาคล่าสุดของปี 2024 นี้ คือเกม Like a Dragon: Infinite Wealth ที่เปิดให้บริการทั้งบนพีซีและคอนโซล ส่วนเรื่องราวของเกมภาคนี้ จะเป็นเรื่องราวภาคต่อของเกม Yakuza: Like a Dragon นั่นเอง!

ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก: RGG Studio, Automaton, Steam