การขายสินค้าประเภทนี้จะกระตุ้นการท่องเที่ยวได้ด้วย ซึ่งที่ผ่านมา ภาคเศรษฐกิจของเราพึ่งพาการท่องเที่ยวสูง เพราะภาคการลงทุนชะลอตัวจากการที่งบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2567 ล่าช้า ..ขณะนี้ภาพที่ชัดเจนที่สุดของนายเศรษฐาคือ นายกฯ ที่มุ่งสร้างเศรษฐกิจ แต่ผลจะเป็นอย่างไรก็ต้องใช้เวลาในการตัดสินใจลงทุน

ที่น่าเป็นห่วงอยู่ก็คือเรื่องที่ศาลรัฐธรรมนูญรับคำวินิจฉัยจาก สว.ว่า นายเศรษฐากระทำการขัดต่อรัฐธรรมนูญ กรณีตั้งคนที่ “น่าจะขาดคุณสมบัติ” ความเป็นรัฐมนตรีมาเป็นรัฐมนตรี คือนายพิชิต ชื่นบาน อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ซึ่งลาออกไปเพื่อไม่ให้มีปัญหาอะไรต่อนายกฯ แต่คดีความในส่วนนายเศรษฐาก็ยังอยู่

เจ้าตัวก็มีทางสู้ว่า “ได้หารือคณะกรรมการกฤษฎีกาแล้ว” และได้หารือกับ นายวิษณุ เครืองาม อดีตรองนายกฯ ผู้เชี่ยวชาญกฎหมายตั้งแต่สมัยทักษิณ 1 แล้ว คาดว่าจะส่งคำชี้แจงได้ทัน 15 วัน ก็ไม่รู้ว่า จะจบลงด้วยการที่ “บกพร่องโดยสุจริต” อีกหรือไม่ หรือว่า อาจเป็นการวางกลให้ต้องหลุดจากเก้าอี้นายกฯ ในการเมือง อะไรเป็นไปได้เสมอ

ขณะนี้ สิ่งที่เสี่ยนิดต้องทำ คือ เดินหน้าทำงานไปแบบไม่ต้องหวั่นไหว และสื่อก็น่าจะเลิกถามเสียทีว่า “กังวลหรือไม่” คือไม่ทราบจะถามให้ได้อะไร ? เขามั่นใจหรือเขากังวล สุดท้ายมันก็อยู่ที่คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ อย่างเรื่องแผนกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้น ในช่วงที่งบปี 67 ใช้แล้ว และเรื่องการรีบผลักดันเงินดิจิทัลวอลเล็ตที่ไปไหนเห็นมีแต่คนทวง

ขณะเดียวกันเรื่องการค้าการส่งออก เสี่ยนิดต้องการขยายตลาดไปยังแอฟริกาเพิ่มขึ้น แต่เรื่องที่ถูกตั้งคำถามว่าจะทำให้เกิดปัญหาหรือไม่ คือกรณีการระบายข้าวเก่าจากโครงการจำนำข้าว จากปากคำของ “เสี่ยอ้วน” นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และ รมว.พาณิชย์ จะขายข้าวเก่า 10 ปีให้แอฟริกา โดยบอกว่า “นั่นเป็นตลาดข้าวเก่าอยู่แล้ว”

ซึ่งก็ไม่ทราบว่า ทางกระทรวงพาณิชย์ได้เห็น ได้ทราบข่าวหรือไม่ ว่า บางประเทศอย่างไนจีเรีย เคนยา แสดงความไม่พอใจในสื่อของเขามาแล้วทำนองว่า “แอฟริกาไม่ใช่ที่จะเอาอะไรมาระบายก็ได้” ก็ขนาดคนไทย ให้กินข้าว 10 ปียังอางขนางไม่ค่อยกล้ากิน แล้ว 10 ปีไม่รู้รมยาหรืออะไรไปมากแค่ไหน จะมีสารอันตรายอย่างอะฟลาท็อกซินหรือไม่

นายภูมิธรรมระบุทำนองว่า ถ้าผู้ซื้อต้องการจะตรวจสอบข้าวเองก็สามารถทำได้ แต่มันเกิดปัญหาในประเทศแอฟริกากลุ่มที่ประเทศไทยมีเอกอัครราชทูต ซึ่งเขาก็รู้สึกไม่ดี และในกระบวนการขายข้าวในโกดังจำนำข้าวให้เสร็จใน 30 มิ.ย.นี้ ก็ไม่รู้ว่าระหว่างทางนั้น ทางแอฟริกาจะมีท่าทีอะไรออกมาหรือไม่ หรืออาจถึงแถลงการณ์

ซึ่งก็ต้องระวังกับการทำงานของเสี่ยนิด ที่มุ่งจะขยายตลาดเพิ่มในแอฟริกา ถ้าไปเปิดตลาดด้วยสินค้าที่ถูกประเมินว่าคุณภาพไม่ดี ก็เป็นผลเสียต่อความเชื่อถือในการส่งออกของสินค้าไทย ซึ่งก็หวังว่าคงไม่ถึงการบอยคอต ..แต่ขณะเดียวกัน ในส่วนของข้าวโกดังนั้นก็เป็นหนามตำใจรัฐบาลมานานที่ต้องขายๆ ไปเสียทีเพื่อเอาเงินกลับประเทศ

พอพูดถึงเรื่องนี้แล้ว ก็นึกอะไรได้ 3 เรื่องคือ 1.ตอนม็อบ กปปส. เรี่ยไรเงินอ้างไปช่วยชาวนาในโครงการจำนำข้าว ตกลงได้จ่ายให้ชาวนาจริงหรือไม่ มีหลักฐานอะไร 2.จะมีการสืบสวนว่า ในช่วงรัฐบาล คสช.มีการ “แปลงข้าวดีเป็นข้าวเน่า” เพื่อขายได้ราคาถูกแล้วกินเงินทอนหรือไม่  3.หนี้คงค้าง ธ.ก.ส.ในส่วนจำนำข้าวมีเท่าไร

ในเรื่องการระบายข้าวค้างสต๊อกก็ยังมีเรื่องที่ถูกตั้งคำถามอยู่ โดยเฉพาะจากทางแอฟริกา ทำนอง “เห็นเราเป็นอะไร?”