เมื่อวันที่ 27 พ.ค. ที่สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (สำนักงาน กสทช.) พล.ต.อ.ณัฐธร เพราะสุนทร กสทช. ด้านกฎหมาย  เปิดเผยถึงการตรวจสอบโมบายแบงก์กิ้ง ชื่อบัญชีไม่ตรงกับการลงทะเบียนซิม ที่เริ่มในวันที่ 27 พ.ค. ว่า ขอให้ประชาชนอย่าตื่นตระหนก ยังสามารถใช้งานได้ตามปกติ วันที่ 27 พ.ค. เป็นการเริ่มดำเนินการในระบบหลังบ้านเพื่อตรวจสอบเท่านั้น โดยจะใช้เวลา 120 วัน โดยวันที่ 27-31 พ.ค. ธนาคาร และสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) จะทำการรวมรายชื่อ จากนั้นจะส่งรายชื่อบัญชีและเลขหมายโทรศัพท์มาให้ทางสำนักงาน กสทช. ในวันที่ 1 มิ.ย. ผ่านช่องทางอิเล็ทรอนิกส์ เข้ารหัส เพื่อคัดกรองร่วมกับผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือ หากเป็นบัญชีชื่อตรง สามารถใช้งานได้ปกติ แต่หากไม่ตรงจะส่งข้อมูลกลับให้ ปปง. เพื่อดำเนินการร่วมกับธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และธนาคารพาณิชย์ เพื่อดำเนินการแจ้งเตือนให้มาปรับข้อมูลต่อไป

“ปัจจุบันเลขหมายมือถือใช้งานในระบบ 120 ล้านเลขหมาย และมีบัญชีธนาคารพาณิชย์ในระบบประมาณ 130 ล้านบัญชี มีการผูกโมบายแบงก์กิ้งจำนวน 106 ล้านบัญชี ซึ่งต้องใช้เวลาตรวจสอบ 4 เดือน ซึ่งยังไม่แน่ใจว่าเสร็จหรือไม่ จึงต้องรีบดำเนินการให้ส่งผลออกมาโดยเร็ว ซึ่งหลังตรวจสอบเสร็จ จะเป็นเรื่องของธนาคารที่จะแจ้งเตือน และใช้ดุลพินิจให้มาเปลี่ยน โดยจะมีข้อยกเว้นในกรณีเปิดให้ผู้สูงอายุ หรือเด็ก เป็นต้น”

พล.ต.อ.ณัฐธร กล่าวต่อว่า ข่าวที่ออกมาเป็นข่าวที่คาดเคลื่อน ยังไม่มีการระงับในทันที แต่การที่สุจริตชนกระตืนรือร้นไปเปลี่ยน ถือเป็นเรื่องดี แต่คนที่เปลี่ยนไม่ได้จะเห็นชัดว่าเป็นพวกบัญชีม้า กรณีที่มีมิจฉาชีพ ประกาศซื้อทั้งบัญชีม้า และซิมการ์ดที่ชื่อตรงกันนั้น คิดว่าเป็นการหลอกกันเอง มั่นใจว่าหากมีการซื้อซิมและบัญชีคู่กัน หากนำมากระทำผิด ก็ไม่คุ้ม เพราะมีโทษตาม พ.ร.ก.มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พ.ศ. 2566 จะมีโทษจําคุก ไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 300,000 บาท

ด้าน พล.ต.ต.เอกรักษ์ ลิ้มสังกาศ รองเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (รองเลขาฯ ปปง.) กล่าวว่า คาดการณ์ว่าบัญชีโมบายแบงก์กิ้งที่ชื่อไม่ตรงซิมจะมีอยู่ประมาณ 30 ล้านบัญชีที่ชื่อบัญชีไม่ตรงกับซิม แต่ไม่ได้หมายความว่าทั้งหมด เป็นบัญชีม้า จึงต้องทำการคัดแยกสำหรับคนที่ชื่อตรง ไม่ต้องดำเนินการอะไร ใช้โมบายแบงก์กิ้งได้ตามปกติ ส่วนผู้ที่ชื่อบัญชีไม่ตรงซิม ทางธนาคารจะยังไม่ระงับบัญชีในทันทีแต่อย่างใด จะทำการแจ้งเตือนผ่านข้อความภายในโมบายแบงก์กิ้ง ซึ่งการไม่แจ้งผ่านเอสเอ็มเอส เพื่อป้องกันแก็งคอลเซ็นเตอร์แอบอ้าง  

“ธปท. และธนาคารพาณิชย์ และ ปปง. จะหารือกำหนดอีกครั้ง ในการกำหนดเวลาให้ไปแจ้งปรับเปลี่ยนชื่อ ที่ศูนย์บริการ หากเมื่อพ้นระยะเวลาแล้วไม่มาปรับข้อมูล ธนาคารจะทำการระงับการใช้โมบายแบงก์กิ้ง แต่ยังสามารถใช้สมุดบัญชีไปเบิกถอนที่เคาน์เตอร์สาขาได้ และหากมาปรับข้อมูลซิมแล้ว ผู้ให้บริการมือถือจะประสานแจ้งข้อมูลไปยังธนาคารต่อไป”

นอกจากนี้ ทางสำนักงาน กสทช. จะประชุมหารือกับผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ในเร็วๆ นี้ เพื่ออำนวยความสะดวกให้ผู้ใช้บริการที่ต้องเปลี่ยนชื่อผู้ถือครองให้ตรงกับโมบายแบงก์กิ้ง ไม่ให้เป็นภาระแก่ประชาชนเกินจำเป็น สำหรับในเบื้องต้น ประชาชนสามารถตรวจสอบ เราถือครองซิมกี่เบอร์นั้น และมีเลขหมายอะไรบ้าง ผ่านทางแอปพลิเคชัน 3 ชั้น และบริการ *179*เลขบัตรประชาชน# โทรฯ ออก และในอนาคต จะพัฒนาแพลตฟอร์มเชื่อมฐานข้อมูล ที่ธนาคารพาณิชย์สามารถตรวจสอบได้ทันทีว่าชื่อตรงกันหรือไม่ในอนาคตต่อไป

ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศตามศูนย์บริการโทรศัพท์มือถือยังเป็นปกติ ไม่ได้มีลูกค้าแห่เข้ามาขอปรับข้อมูล แต่อย่างไร คงรอความชัดเจนจากหน่วยงานที่รับผิดชอบก่อน